เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [18. ปัญญาสนิบาต] 3. มหาโพธิชาดก (528)
(พระราชาตรัสว่า)
[127] ท่านพราหมณ์ โทษนั้นเป็นความผิด
ที่โยมกระทำแล้วจริงตามที่ท่านกล่าว
โยมนั้นเลื่อมใสท่านอย่างยิ่ง
ขอนิมนต์อยู่เถิด อย่าไปเลย ท่านพราหมณ์
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[128] เมื่อแรก ข้าวสุกสีขาวล้วน ต่อมาก็กระดำกระด่าง
บัดนี้กลายเป็นสีแดงล้วน
จึงเป็นกาลสมควรที่อาตมภาพจะหลีกไป
[129] เมื่อแรก อาสนะอยู่ภายใน
ต่อมาอยู่ท่ามกลาง ต่อมาอยู่ภายนอก
อาตมภาพขอไปเองก่อนที่จะถูกขับจากเมือง
[130] บุคคลไม่พึงคบหาคนผู้สิ้นศรัทธาเหมือนบ่อน้ำที่ไม่มีน้ำ
ถึงแม้จะพยายามขุดมันขึ้น น้ำก็จะพึงมีกลิ่นโคลนตม
[131] บุคคลพึงคบหาผู้ที่เลื่อมใสเท่านั้น
พึงเว้นคนผู้ไม่เลื่อมใส พึงเข้าไปใกล้คนผู้เลื่อมใส
เหมือนคนต้องการน้ำเข้าไปหาห้วงน้ำ
[132] บุคคลพึงคบหาคนที่คบด้วย
ไม่พึงคบหาคนที่ไม่คบด้วย
บุคคลใดไม่คบหาคนที่คบด้วย
บุคคลนั้นชื่อว่ามีธรรมของอสัตบุรุษ
[133] ผู้ใดไม่คบหาคนที่คบด้วย
ไม่เสวนาคนที่เสวนาด้วย
ผู้นั้นแลเป็นคนชั่วช้าที่สุด
เหมือนลิงที่อาศัยอยู่ตามกิ่งไม้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :25 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [18.ปัญญาสนิบาต] 3.มหาโพธิชาดก (528)
[134] มิตรทั้งหลายย่อมแหนงหน่ายกัน
เพราะเหตุ 3 ประการนี้ คือ
1. เพราะการคลุกคลีกันพร่ำเพรื่อเกินไป
2. เพราะการไม่ร่วมสโมสรกัน
3. เพราะขอในเวลาอันไม่สมควร
[135] เพราะเหตุนั้น บุคคลไม่พึงไปมาหาสู่กันจนพร่ำเพรื่อ
ไม่ควรเหินห่างกันไปจนเนิ่นนาน
และพึงขอสิ่งที่ควรขอตามกาลอันสมควร
เมื่อเป็นเช่นนี้ มิตรทั้งหลายย่อมจะไม่แหนงหน่ายกัน
[136] คนผู้เป็นที่รักย่อมกลับกลายไม่เป็นที่รัก
เพราะการอยู่ร่วมกันนานเกินไป
อาตมภาพขอถวายพระพรลามหาบพิตรไป
ก่อนที่อาตมาจะไม่เป็นที่รักของมหาบพิตร
(พระราชาตรัสว่า)
[137] หากพระคุณเจ้าไม่ยอมรับรู้
การอัญชลีของปริจารชนสัตบุรุษผู้อ้อนวอนอยู่อย่างนี้
และไม่ยอมกระทำตามคำขอร้องของโยม
โยมขอวิงวอนพระคุณเจ้าอย่างนี้ว่า
พระคุณเจ้าพึงแวะมาอีก
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[138] ขอถวายพระพร มหาราชผู้ผดุงแคว้นให้เจริญ
หากว่าเมื่อเรายังคงเป็นอยู่อย่างนี้
อันตรายจักไม่มีแก่มหาบพิตรหรือแก่อาตมาไซร้
เมื่อวันคืนล่วงไป เราคงจะได้พบกันบ้าง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :26 }