เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 3.สุวัณณสามชาดก (540)
(พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า)
[367] ลำดับนั้น พระเจ้ากาสีทรงพาฤๅษีทั้ง 2
ผู้ตาบอดไปในป่าใหญ่
จูงมือฤๅษีทั้ง 2 ไปในที่ที่สามกุมารถูกฆ่าแล้ว
[368] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
ถูกทิ้งไว้ในป่าใหญ่เหมือนดวงจันทร์ตกดิน
[369] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
ถูกทิ้งไว้ในป่าใหญ่เหมือนดวงอาทิตย์ตกดิน
[370] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
ถูกทิ้งไว้ในป่าใหญ่ ก็คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร
[371] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
จึงประคองแขนทั้ง 2 ข้าง คร่ำครวญว่า ชาวเราเอ๋ย
ได้ทราบว่า วันนี้ ความไม่เป็นธรรมกำลังเป็นไปในโลกนี้
[372] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าประมาทนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[373] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าโง่ไปมากนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[374] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าโกรธเคืองไปมากนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[375] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าเป็นผู้มักหลับไปมากนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[376] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าช่างเป็นคนปราศจากน้ำใจจริง
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[377] ลูกสามผู้บำรุงเลี้ยงดูเราทั้ง 2 ผู้ตาบอดนี้มาตายเสียแล้ว
บัดนี้ ใครเล่าจักชำระชฎาที่หม่นหมองเปื้อนฝุ่น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :240 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 3.สุวัณณสามชาดก (540)
[378] ลูกสามผู้บำรุงเลี้ยงดูเราทั้ง 2 ผู้ตาบอดนี้มาตายแล้ว
บัดนี้ ใครเล่าจักจับไม้กวาดแล้วกวาดอาศรมของเราทั้ง 2
[379] ลูกสามผู้บำรุงเลี้ยงดูเราทั้ง 2 ผู้ตาบอดนี้มาตายแล้ว
บัดนี้ ใครเล่าจักนำน้ำเย็นน้ำร้อนมาให้เราทั้ง 2 อาบ
[380] ลูกสามผู้บำรุงเลี้ยงดูเราทั้ง 2 ผู้ตาบอดนี้มาตายแล้ว
บัดนี้ ใครเล่าจักให้เราทั้ง 2 บริโภคมูลผลาผลไม้ในป่า
[381] มารดาได้เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรล้มคลุกฝุ่นอยู่
เป็นผู้อึดอัดเพราะความโศกถึงบุตร จึงได้กล่าวสัจวาจาว่า
[382] ลูกสามนี้ได้เคยมีปกติประพฤติธรรมมาก่อน
ด้วยสัจวาจานี้ ขอพิษของลูกสามจงเสื่อมหายไป
[383] ลูกสามนี้มีปกติประพฤติพรหมจรรย์มาก่อน
ด้วยสัจวาจานี้ ขอพิษของลูกสามจงเสื่อมหายไป
[384] ลูกสามนี้ได้เคยมีปกติกล่าวคำสัตย์มาก่อน
ด้วยสัจวาจานี้ ขอพิษของลูกสามจงเสื่อมหายไป
[385] ลูกสามนี้ได้เป็นผู้เลี้ยงมารดาและบิดา
ด้วยสัจวาจานี้ ขอพิษของลูกสามจงเสื่อมหายไป
[386] ลูกสามนี้ได้เป็นผู้นอบน้อมต่อผู้ใหญ่ในตระกูล
ด้วยสัจวาจานี้ ขอพิษของลูกสามจงเสื่อมหายไป
[387] ลูกสามนี้เป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของเรา
ด้วยสัจวาจานี้ ขอพิษของลูกสามจงเสื่อมหายไป
[388] บุญอย่างใดอย่างหนึ่งที่ลูกสามทำแล้วแก่เราและบิดาของเขา
ด้วยกุศลนั้นทั้งหมด ขอพิษของลูกสามจงเสื่อมหายไป
[389] บิดาได้เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรล้มคลุกฝุ่นอยู่
เป็นผู้อึดอัดเพราะความโศกถึงบุตร จึงได้กล่าวสัจวาจาว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :241 }