เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 3.สุวัณณสามชาดก (540)
(ดาบสทั้ง 2 นั้นประคองอัญชลี กราบทูลว่า)
[360] ข้าแต่พระเจ้ากาสี อาตมภาพทั้ง 2 ขอถวายบังคมแด่พระองค์
ข้าแต่พระองค์ผู้ผดุงรัฐให้เจริญแก่ชาวกาสี
อาตมภาพทั้งหลายขอถวายบังคมแด่พระองค์
อาตมภาพทั้งหลายขอประคองอัญชลีแด่พระองค์จนกว่าพระองค์
ทรงพาอาตมภาพทั้งหลายไปให้ถึงสถานที่ซึ่งสามกุมารอยู่
[361] อาตมภาพทั้ง 2 เมื่อได้ลูบคลำเท้าทั้ง 2
และใบหน้าอันงดงามของเขา จักทุบตีตนให้ถึงความตาย
(พระเจ้าปิลยักษ์ได้ตรัสว่า)
[362] สามกุมารถูกฆ่านอนตายอยู่เหมือนดวงจันทร์ตกดิน
ในป่าที่เกลื่อนกล่นด้วยเนื้อร้าย
เป็นป่าสูง ปรากฏเหมือนอยู่ในอากาศ
[363] สามกุมารถูกฆ่านอนตายอยู่เหมือนดวงอาทิตย์ตกดิน
ในป่าที่เกลื่อนกล่นไปด้วยเนื้อร้าย
เป็นป่าสูง ปรากฏเหมือนอยู่ในอากาศ
[364] สามกุมารถูกฆ่านอนตายอยู่ เปื้อนเปรอะด้วยฝุ่น
ในป่าที่เกลื่อนกล่นด้วยเนื้อร้าย
เป็นป่าสูง ปรากฏเหมือนอยู่ในอากาศ
[365] สามกุมารถูกฆ่านอนตายอยู่
ในป่าที่กลื่อนกล่นด้วยเนื้อร้าย
เป็นป่าสูงปรากฏเหมือนอยู่ในอากาศ
ขอพระคุณท่านทั้ง 2 จงอยู่ในอาศรมที่พักนี้เท่านั้นเถิด
(ลำดับนั้น ดาบสทั้ง 2 นั้นเมื่อแสดงว่าตนไม่กลัวต่อสัตว์ร้าย จึงกราบทูลว่า)
[366] ถ้าในป่านั้น จะมีเนื้อร้ายตั้งร้อย ตั้งพัน และตั้งหมื่น
อาตมภาพทั้ง 2 ไม่มีความกลัว
ในสัตว์ร้ายทั้งหลายในป่าไหน ๆ เลย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :239 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 3.สุวัณณสามชาดก (540)
(พระศาสดาเมื่อจะทรงประกาศข้อความนั้น จึงตรัสว่า)
[367] ลำดับนั้น พระเจ้ากาสีทรงพาฤๅษีทั้ง 2
ผู้ตาบอดไปในป่าใหญ่
จูงมือฤๅษีทั้ง 2 ไปในที่ที่สามกุมารถูกฆ่าแล้ว
[368] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
ถูกทิ้งไว้ในป่าใหญ่เหมือนดวงจันทร์ตกดิน
[369] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
ถูกทิ้งไว้ในป่าใหญ่เหมือนดวงอาทิตย์ตกดิน
[370] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
ถูกทิ้งไว้ในป่าใหญ่ ก็คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร
[371] ดาบสทั้ง 2 เห็นสามกุมารผู้เป็นบุตรนอนคลุกฝุ่น
จึงประคองแขนทั้ง 2 ข้าง คร่ำครวญว่า ชาวเราเอ๋ย
ได้ทราบว่า วันนี้ ความไม่เป็นธรรมกำลังเป็นไปในโลกนี้
[372] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าประมาทนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[373] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าโง่ไปมากนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[374] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าโกรธเคืองไปมากนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[375] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าเป็นผู้มักหลับไปมากนักแล้ว
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[376] ลูกสามผู้มีรูปสง่างาม เจ้าช่างเป็นคนปราศจากน้ำใจจริง
ในวันนี้เมื่อกาลเวลาล่วงไป เจ้ามิได้พูดอะไรเลย
[377] ลูกสามผู้บำรุงเลี้ยงดูเราทั้ง 2 ผู้ตาบอดนี้มาตายเสียแล้ว
บัดนี้ ใครเล่าจักชำระชฎาที่หม่นหมองเปื้อนฝุ่น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :240 }