เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 2.มหาชนกชาดก (539)
[232] เมื่อไร พระสนมกำนัลใน 700 นาง
ผู้เชื่อฟัง เจรจาไพเราะ น่ารัก
ที่เคยติดตามเรา จักไม่ติดตามเรา
ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ
[233] เมื่อไร เราจักได้ปลงผม ห่มผ้าสังฆาฏิ
อุ้มบาตรเที่ยวบิณฑบาต
ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ
[234] เมื่อไร เราจักทรงผ้าสังฆาฏิที่ทำด้วยผ้าบังสุกุล
ที่เขาทิ้งไว้ที่หนทางใหญ่
ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ
[235] เมื่อไร เมื่อมีฝนตกพรำตลอด 7 วัน
เราจึงมีจีวรเปียกชุ่มเที่ยวไปบิณฑบาต
ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ
[236] เมื่อไร เราจักได้เที่ยวจาริกไปตามต้นไม้น้อยใหญ่
ตามป่าน้อยใหญ่ตลอดทั้งคืนและวัน
โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ
[237] เมื่อไร เราจักละความกลัวและความขลาดเสียได้
ไปที่ซอกเขาและลำธารได้ตามลำพัง
ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ
[238] เมื่อไร เราจักทำจิตให้ตรงได้เหมือนคนดีดพิณ
ดีดพิณทั้ง 7 สายให้มีเสียงน่ารื่นรมย์จับใจ
ความดำรินั้นจักสำเร็จได้เมื่อไรหนอ
[239] เมื่อไร เราจักตัดกามสังโยชน์ทั้งที่เป็นของทิพย์
และของมนุษย์ได้เหมือนช่างหนังตัดรองเท้าโดยรอบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :219 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 2.มหาชนกชาดก (539)
(เมื่อพระมหาชนกทรงรำพึงอย่างนี้แล้ว ทรงถือเพศบรรพชา เสด็จลงจาก
ปราสาทไป พระผู้มีพระภาคตรัสถึงเสียงคร่ำครวญของสตรีเหล่านั้นว่า)
[240] พระสนมกำนัลใน 700 นางนั้น
ประดับด้วยเครื่องอลังการพร้อมสรรพ
ต่างประคองแขนทั้ง 2 คร่ำครวญว่า
เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงละทิ้งพวกหม่อมฉัน
[241] พระสนมกำนัลใน 700 นางนั้น
ผู้ละมุนละไม สะโอดสะอง
ต่างพากันประคองแขนทั้ง 2 ร้องคร่ำครวญว่า
เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงละทิ้งพวกหม่อมฉัน
[242] พระสนมกำนัลใน 700 นางนั้น
ล้วนเป็นผู้เชื่อฟัง เจรจาไพเราะ น่ารัก
ต่างพากันประคองแขนทั้ง 2 คร่ำครวญว่า
เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงละทิ้งพวกหม่อมฉันเสีย
[243] พระสนมกำนัลใน 700 นางนั้น
ประดับด้วยเครื่องอลังการพร้อมสรรพ
ถูกพระราชาทรงละทิ้งไว้แล้ว เสด็จดำเนินไปมุ่งผนวช
[244] พระราชาทรงละพระสนมกำนัลใน 700 นาง
ผู้ละมุนละไม สะโอดสะอง เสด็จดำเนินไปมุ่งผนวช
[245] พระราชาทรงละพระสนมกำนัลใน 700 นางนั้น
ล้วนแต่เป็นผู้เชื่อฟัง เจรจาไพเราะ น่ารัก
เสด็จดำเนินไปมุ่งผนวช
[246] ทรงละถาดทองคำหนักประมาณ 100 ปละ
จำหลักลวดลายตั้งร้อย ทรงอุ้มบาตรดิน
นั้นเป็นการอภิเษกครั้งที่ 2

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :220 }