เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [22.มหานิบาต] 1.เตมิยชาดก (538)
(พระราชาตรัสกับพระเตมีย์โพธิสัตว์แล้ว จึงตรัสคาถาว่า)
[87] ความน่าอัศจรรย์ปรากฏชัดเจนกับโยม
เพราะได้เห็นลูกรักอยู่ในที่ลับแต่ผู้เดียว
เพราะเหตุไร ผิวพรรณของผู้บริโภคอาหารเช่นนี้จึงผ่องใสเล่า
(พระเตมีย์โพธิสัตว์เมื่อจะทูลพระราชานั้น จึงตรัสว่า)
[88] ขอถวายพระพรมหาบพิตร
อาตมภาพจำวัดตามลำพังบนเครื่องลาดใบไม้
เพราะการจำวัดตามลำพังนั้น
ผิวพรรณของอาตมภาพจึงผ่องใส
[89] อนึ่ง อาตมภาพไม่มีราชองครักษ์คาดกระบี่คอยป้องกัน
เพราะการจำวัดตามลำพังของอาตมภาพนั้น
ผิวพรรณจึงผ่องใส ขอถวายพระพร
[90] อาตมภาพมิได้เศร้าโศกถึงอารมณ์ที่ล่วงไปแล้ว
มิได้ปรารถนาอารมณ์ที่ยังไม่มาถึง
ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
เพราะฉะนั้น ผิวพรรณของอาตมภาพจึงผ่องใส
[91] เพราะการปรารถนาอารมณ์ที่ยังไม่มาถึง
เพราะเศร้าโศกถึงอารมณ์ที่ล่วงไปแล้ว
ทั้ง 2 อย่างนี้ พวกคนพาลซูบซีดเหี่ยวแห้ง
เหมือนไม้อ้อที่เขียวสดถูกถอนทิ้งไว้
(ลำดับนั้น พระราชาทรงเชิญพระเตมีย์โพธิสัตว์ให้ครองราชสมบัติ จึงตรัสว่า)
[92] ลูกรัก โยมขอมอบกองพลช้าง1 กองพลม้า
กองพลรถ กองพลราบ เหล่าทหารผูกโล่
และพระนิเวศน์ที่น่ารื่นรมย์แก่ลูก

เชิงอรรถ :
1 กองพลช้าง หมายถึงกองทัพที่จัดขึ้นเป็นหมู่ใหญ่ นับช้างตั้งแต่สิบเชือกขึ้นไป ที่ชื่อว่ากองพลรถก็เช่น
เดียวกัน (ขุ.ชา.อ. 9/92/41)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 28 หน้า :197 }