เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [16. ติงสตินิบาต] 9. สัมพุลาชาดก (519)
[308] ส่วนพระนางสัมพุลานั้นถูกปีศาจผู้ทารุณเห็นแก่อามิสข่มเหง
ตกอยู่ในอำนาจของศัตรู ก็เศร้าโศกรำพันถึงแต่พระสวามีเท่านั้น
[309] การที่รากษสจะกินเรา
ถึงกระนั้น ก็หาใช่เป็นความทุกข์ของเราไม่
เราทุกข์อยู่แต่ว่า พระลูกเจ้าจะเข้าพระทัยผิด
[310] เทพเจ้าทั้งหลายเห็นจะไม่มีอยู่แน่
ท้าวโลกบาลทั้งหลายชะรอยจะไม่มีในโลกนี้แน่นอน
คนที่จะห้ามปรามยักษ์ผู้ไม่สำรวมทำการหยาบช้าคงไม่มีแน่นอน
(ท้าวสักกะทรงใคร่ครวญทราบเหตุนั้นแล้ว ฉวยเอาพระขรรค์เพชรรีบเสด็จไป
ประทับยืนบนกระท่อมของทานพยักษ์ ตรัสว่า)
[311] นางนี้มีเกียรติยศชื่อเสียง ประเสริฐกว่าหญิงทั้งหลาย
เป็นหญิงฉลาด เรียบร้อย มีเดชรุ่งเรืองดุจกองเพลิง
เจ้ารากษส ถ้าเจ้ากินหญิงสาวผู้นั้น
ศีรษะของเจ้าจะพึงแตก 7 เสี่ยง เจ้าอย่าทำให้นางเดือดร้อน
จงปล่อยนางไป เพราะนางเป็นหญิงมีสามี
(พระศาสดาทรงประกาศความนั้นว่า)
[312] ก็พระนางสัมพุลารอดพ้นจากยักษ์กินคนแล้ว
ก็เสด็จกลับสู่อาศรมดุจแม่นกซึ่งมีลูกอ่อนมีอันตรายบินกลับรัง
ดุจแม่โคนมกลับมายังที่อยู่อาศัยที่ปราศจากลูกโค
[313] พระนางสัมพุลาราชบุตรีผู้มียศ
เมื่อไม่ทรงเห็นพระสวามีผู้เป็นที่พึ่งในป่า
ก็มีดวงพระเนตรพร่าพรายเพราะความร้อน
ทรงกันแสงอยู่ ณ ที่นั้น
[314] เมื่อไม่ทรงพบพระราชบุตร พระนางก็ทรงไหว้วอน
สมณพราหมณ์และฤๅษีผู้สมบูรณ์ด้วยจรณะว่า
ดิฉันขอถึงพระคุณเจ้าทั้งหลายเป็นที่พึ่งที่ระลึก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :585 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [16. ติงสตินิบาต] 9. สัมพุลาชาดก (519)
[315] เมื่อไม่ทรงพบพระราชบุตร ก็ทรงไหว้วอนราชสีห์
เสือโคร่ง และหมู่เนื้อเหล่าอื่นในป่าว่า
ข้าพเจ้าขอถึงท่านทั้งหลายเป็นที่พึ่งที่ระลึก
[316] เมื่อไม่ทรงพบพระราชบุตร ก็ทรงไหว้วอนเทพเจ้า
ผู้สิงสถิตอยู่ที่กอหญ้าลดาวัลย์และหมู่ไม้โอสถตลอดจนบรรพต
และพงศ์ไพรว่า ข้าพเจ้าขอถึงท่านทั้งหลายเป็นที่พึ่งที่ระลึก
[317] เมื่อไม่ทรงพบพระราชบุตร ก็ทรงไหว้วอน
หมู่ดาวนักษัตรในยามราตรีซึ่งมีรัศมีเสมอด้วยดอกราชพฤกษ์ว่า
ข้าพเจ้าขอถึงท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึก
[318] เมื่อไม่ทรงพบพระราชบุตร ก็ทรงไหว้วอนเทพเจ้า
ผู้สถิตที่แม่น้ำคงคาซึ่งมีนามว่าภาคีรถี
เป็นที่รองรับการไหลมาแห่งแม่น้ำสายอื่นจำนวนมากว่า
ข้าพเจ้าขอถึงท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึก
[319] เมื่อไม่ทรงพบพระราชบุตร ก็ทรงไหว้วอน
(เทพเจ้าผู้สิงสถิตอยู่ ณ) ภูเขาหิมวันต์ที่ประเสริฐกว่าขุนเขาทั้งปวง
ซึ่งเต็มด้วยศิลาว่า ข้าพเจ้าขอถึงท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึก
(โสตถิเสนทูลถามพระนางสัมพุลาว่า)
[320] พระราชบุตรีผู้มียศ พระนางกลับมาจนเย็นค่ำเชียวหนอ
วันนี้พระนางสมคบกับใครหนอ
ใครกันหนอเป็นที่รักของพระนางยิ่งกว่าหม่อมฉัน
(พระนางสัมพุลาตรัสว่า)
[321] หม่อมฉันถูกทานพผู้เป็นศัตรูนั้นจับไว้
ได้กล่าวกับมันอย่างนี้ว่า
การที่รากษสจะกินเรา ถึงกระนั้นก็หาใช่ความทุกข์ของเราไม่
เราทุกข์อยู่แต่ว่า พระลูกเจ้าจะเข้าพระทัยผิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :586 }