เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [16. ติงสตินิบาต] 4. ฉัททันตชาดก (514)
(พระศาสดาเมื่อจะทรงแสดงกิริยาที่ชาวมคธถวายการต้อนรับพระราชกุมาร
จึงตรัสว่า)
[96] ชาวนิคม ชาวชนบท พลช้าง พลรถ
และพลเดินเท้าล้วนประคองอัญชลี เข้าเฝ้าถวายบังคม
กราบทูลท้าวเธอว่า ขอถวายบังคมแด่พระองค์
พระองค์ทรงเป็นผู้กระทำกิจที่ทำได้ยาก
ชยัททิสชาดกที่ 3 จบ

4. ฉัททันตชาดก (514)
ว่าด้วยพญาช้างฉัททันต์
(พระราชาตรัสว่า)
[97] พระน้องนางผู้มีเรือนร่างเหลืองอร่ามดุจทองคำ
ผิวพรรณผุดผ่อง นัยนาก็แจ่มใสกว้างขวาง
ไยเล่าจึงเศร้าโศก ซูบซีดไปดังดอกไม้ที่ถูกขยี้
(พระนางสุภัทรากราบทูลว่า)
[98] ขอเดชะพระมหาราช หม่อมฉันแพ้ครรภ์
หม่อมฉันฝันเห็นนิมิต จึงแพ้ครรภ์ชนิดที่หาได้ไม่ง่ายเลย
(พระราชาตรัสว่า)
[99] สมบัติอันน่าใคร่ชนิดใดชนิดหนึ่งซึ่งเป็นของมนุษย์
ในโลกที่น่าเพลิดเพลินนี้ ทั้งหมดนั้นจำนวนมากของพี่
พี่ขอมอบให้พระน้องนางตามที่แพ้พระครรภ์
(พระนางสุภัทรากราบทูลว่า)
[100] ขอเดชะพระองค์ผู้สมมติเทพ ขอนายพรานทุกจำพวก
ที่มีอยู่ในแคว้นของเจ้าพี่จงมาประชุมพร้อมกัน
หม่อมฉันจักบอกความแพ้ครรภ์ของหม่อมฉัน
แก่พวกพรานเหล่านั้นว่าเป็นเช่นไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :554 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [16. ติงสตินิบาต] 4. ฉัททันตชาดก (514)
(พระราชาตรัสบอกพรานเหล่านั้นแก่พระราชเทวีว่า)
[101] พระเทวี นายพรานเหล่านี้ล้วนมีความชำนาญ แกล้วกล้า
ชำนาญป่าและรู้จักเนื้อดี ยอมสละชีวิตเมื่อพี่ต้องการ
(พระราชเทวีตรัสกับพรานทั้งหลายว่า)
[102] บุตรนายพรานทั้งหลาย
พวกท่านเท่าที่มาประชุมกัน ณ ที่นี่ ขอจงฟังข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าได้ฝันเห็นพญาช้างเผือก งามีรัศมี 6 ประการ1
ข้าพเจ้าต้องการงาของมัน เมื่อไม่ได้ก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่
(พวกบุตรนายพรานได้กราบทูลว่า)
[103] ขอเดชะพระราชบุตรี
พญาช้างที่งามีรัศมี 6 ประการซึ่งพระนางได้ทรงสุบินเห็น
บิดาของพวกข้าพระองค์ไม่เคยได้เห็น ไม่เคยได้ยิน
ปู่ของพวกข้าพระองค์ก็ไม่เคยได้เห็น ไม่เคยได้ยิน
ขอพระนางโปรดบอกพวกข้าพระองค์มาเถิดว่า
พญาช้างนั้นเป็นเช่นไร
(บุตรนายพรานเหล่านั้นกราบทูลต่อไปว่า)
[104] ทิศใหญ่ 4 ทิศ ทิศน้อย 4 ทิศ
ทิศเบื้องบน และทิศเบื้องล่าง 10 ทิศเหล่านี้
พญาช้างที่งามีรัศมี 6 ประการ
ซึ่งพระนางได้ทรงสุบินเห็น อยู่ทิศไหน
(พระนางสุภัทราราชเทวีทรงเหยียดพระหัตถ์ตรงไปยังป่าหิมพานต์ ตรัสว่า)
[105] จากนี้ตรงไปทิศอุดร ข้ามภูเขาสูงใหญ่ 7 เทือก
ภูเขานั้นสูงใหญ่ ชื่อว่าสุวรรณปัสสคีรี
มีพันธุ์บุปผชาติบานสะพรั่ง มีหมู่กินนรสัญจรไม่ขาดสาย

เชิงอรรถ :
1 รัศมี 6 ประการ คือ (1) นีละ เขียวเหมือนดอกอัญชัน (2) ปีตะ เหลืองเหมือนหรดาลทอง (3) โลหิตะ
แดงเหมือนตะวันอ่อน (4) โอทาตะ ขาวเหมือนแผ่นเงิน (5) มัญเชฏฐะ สีหงสบาท เหมือนดอกเซ่ง
หรือดอกหงอนไก่ (6) ประภัสสร เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :555 }