เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 13. กุสนาฬิวรรค 10. โกสิยชาดก (130)
9. อัคคิกชาดก (129)
ว่าด้วยสุนัขจิ้งจอกชื่ออัคคิกะ
(พญาหนูโพธิสัตว์กล่าวติเตียนสุนัขจิ้งจอกว่า)
[129] ปอยผมนี้มิได้มีไว้เพราะเหตุแห่งบุญ
มีไว้เพราะเป็นเลสอ้างเพื่อการหากิน
หมู่หนูมีไม่ครบตามจำนวนหาง
อัคคิกะ พอกันทีเถิดสำหรับท่าน
อัคคิกชาดกที่ 9 จบ

10. โกสิยชาดก (130)
ว่าด้วยนางพราหมณีชื่อโกสิยา
(มาณพกล่าวเตือนนางพราหมณีว่า)
[130] นี่นางโกสิยา เธอจงกินยาให้สมกับที่อ้างว่าป่วย
และจงพูดให้สมกับอาหารที่กินเข้าไป
คำพูดกับอาหารที่เธอกินทั้ง 2 อย่างไม่สมกันเลย
โกสิยชาดกที่ 10 จบ
กุสนาฬิวรรคที่ 13 จบ

รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
1. กุสนาฬิชาดก 2. ทุมเมธชาดก
3. นังคลีสชาดก 4. อัมพชาดก
5. กฏาหกชาดก 6. อสิลักขณชาดก
7. กลัณฑุกชาดก 8. พิฬารวตชาดก
9. อัคคิกชาดก 10. โกสิยชาดก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :53 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 14. อสัมปทานวรรค 3. ฆตาสนชาดก (133)
14. อสัมปทานวรรค
หมวดว่าด้วยการไม่รับสิ่งของ
1. อสัมปทานชาดก (131)
ว่าด้วยการไม่รับสิ่งของทำให้เกิดการแตกร้าว
(สังขเศรษฐีโพธิสัตว์กล่าวกับภรรยาผู้ร้องไห้อยู่ว่า)
[131] มิตรไมตรีของผู้ใดผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนพาล
ย่อมเป็นโทษเพราะการไม่รับสิ่งของ
เพราะฉะนั้น พี่จึงนำข้าวลีบครึ่งมานะ1มาด้วยคิดว่า
มิตรไมตรีของเราอย่าได้แตกร้าวเลย
ขอมิตรไมตรีของเรานี้จงยั่งยืนต่อไป
อสัมปทานชาดกที่ 1 จบ

2. ปัญจภีรุกชาดก (132)
ว่าด้วยความไม่หวาดสะดุ้งกลัว
(พระโพธิสัตว์คิดถึงเหตุการณ์ที่ตนรอดพ้นจากนางยักษิณี จึงเปล่งอุทานว่า)
[132] เราไม่ตกอยู่ในอำนาจของพวกรากษส
เพราะความเพียรอันมั่นคงในคำแนะนำของท่านผู้ฉลาด
และเพราะความไม่หวาดหวั่นต่อภัยและความสะดุ้งกลัว
ความสวัสดีจากภัยอันใหญ่หลวงนั้นจึงมีแก่เรา
ปัญจภีรุกชาดกที่ 2 จบ

3. ฆตาสนชาดก (133)
ว่าด้วยภัยเกิดจากที่พึ่ง
(พญานกโพธิสัตว์เห็นเปลวเพลิงลุกโพลงจากน้ำ จึงชวนพวกนกไปอยู่ที่อื่นว่า)

เชิงอรรถ :
1 มานะ คือมาตราตวงสมัยโบราณ ได้แก่ 1 มานะ เท่ากับ 8 ทะนาน ฉะนั้นครึ่งมานะจึงเท่ากับ 4 ทะนาน
(ขุ.ชา.อ. 2/131/302)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :54 }