เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [14. ปกิณณกนิบาต] 10. มหาวาณิชชาดก (493)
[186] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้วก็หลั่งข้าวสาลี เนื้อ ข้าวสุก
ขนมกุมมาสซึ่งมีสีเหมือนข้าวปายาสที่มีน้ำน้อย
แกงอ่อม และกับมีแกงถั่วเป็นต้นออกมามากมาย
[187] พวกพ่อค้าเหล่านั้นพากันบริโภค
เคี้ยวกินตามที่ต้องการ ณ กิ่งไม้นั้น
ครั้งที่ 3 พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงำ
คิดเห็นพ้องกันว่า ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้า
พากันตัดกิ่งด้านทิศตะวันตกเถิด
[188] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้ว
ก็หลั่งเหล่านารีมีเครื่องประดับพร้อมมูล
เสื้อผ้าอาภรณ์งามวิจิตร ใส่ต่างหูแก้วมณี
[189] ก็พ่อค้าแต่ละคนมีนารีนางหนึ่ง
ส่วนหัวหน้ากองเกวียนมีนารี 25 นาง
แวดล้อมอยู่รอบข้างที่ร่มเงาต้นไทรนั้น
[190] พวกพ่อค้าเหล่านั้นมีเหล่านารีแวดล้อมตามที่ต้องการ
ครั้งที่ 4 พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงำ คิดเห็นพ้องกันว่า
ขอเชิญพวกเราเหล่าพ่อค้าพากันตัดกิ่งด้านทิศเหนือเถิด
[191] ก็กิ่งไม้นั้นพอถูกตัดแล้ว ก็หลั่งแก้วมุกดา แก้วไพฑูรย์
เงิน ทอง เครื่องลาดหลังช้าง และเครื่องปูลาดที่ทำด้วยขนแกะ
[192] ผ้าแคว้นกาสีและผ้ากัมพลชื่ออุททิยะออกมาเป็นจำนวนมาก
พวกพ่อค้าเหล่านั้นพากันขนบรรทุกเกวียนเหล่านั้นตามที่ต้องการ
[193] ครั้งที่ 5 พวกที่เป็นคนโง่ถูกโมหะครอบงำ คิดเห็นพ้องกันว่า
ขอเชิญพวกเราช่วยกันตัดโคนต้นไทรนั้นเถิด บางทีจะได้ยิ่งกว่านี้
[194] ทันใดนั้น หัวหน้ากองเกวียนได้ลุกขึ้นประคองอัญชลี
ขอร้องว่า พ่อค้าวาณิชทั้งหลาย ต้นไทรมีความผิดอะไรหรือ
ขอความเจริญจงมีแก่พวกท่านเถิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :453 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [14. ปกิณณกนิบาต] 11. สาธินราชชาดก (494)
[195] กิ่งด้านทิศตะวันออกให้น้ำอาบ
กิ่งด้านทิศใต้ให้ข้าวและน้ำดื่ม
กิ่งด้านทิศตะวันตกให้เหล่านารี
ส่วนกิ่งด้านทิศเหนือให้ทรัพย์ที่น่าปลื้มใจทุกอย่าง
พ่อค้าวาณิชทั้งหลาย ต้นไทรมีความผิดอะไรหรือ
ขอความเจริญจงมีแก่พวกท่านเถิด
[196] บุคคลนั่งก็ตาม นอนก็ตามที่ร่มเงาต้นไม้ใด
ไม่ควรหักรานกิ่งต้นไม้นั้น
เพราะว่าคนประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทราม
[197] แต่พวกพ่อค้าเหล่านั้นจำนวนมาก
ไม่เชื่อฟังคำของนายกองเกวียนผู้เดียวนั้น
ใช้ขวานอันคมกริบตัดต้นไทรนั้นตั้งแต่โคนต้น
[198] พวกนาคก็ออกมาจากต้นไทรนั้นสวมเกราะ 25 ตน
ถือธนู 300 ตน และถือโล่หนัง 6,000 ตน
(พญานาคกล่าวสั่งว่า)
[199] พวกเจ้าจงฆ่า จงมัดพวกพ่อค้าเหล่านี้
อย่าได้ไว้ชีวิตแม้แต่คนเดียว
พวกเจ้าจงทำพวกพ่อค้าเหล่านั้นทั้งหมดให้เป็นผงธุลี
เว้นไว้แต่นายกองเกวียนเท่านั้น
(พระศาสดาทรงทราบแล้วตรัส 2 คาถาโอวาทว่า)
[200] เพราะเหตุนั้นแล คนฉลาดพิจารณาเห็นประโยชน์ของตน
ไม่พึงตกไปสู่อำนาจแห่งความโลภ
พึงกำจัดใจที่เป็นศัตรูภายในเสีย
[201] ผู้เห็นภัยรู้โทษอย่างนี้ว่า ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่ยึดมั่น มีสติ ดำเนินชีวิตอยู่
มหาวาณิชชาดกที่ 10 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :454 }