เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 11. ปโรสตวรรค 8. พาหิยชาดก (108)
6. อุทัญจนีชาดก (106)
ว่าด้วยนางอุทัญจนี
(ดาบสผู้เป็นบุตรของพระโพธิสัตว์อดทนต่อการเคี่ยวเข็ญของนางอุทัญจนีไม่
ไหวหนีไปหาบิดาแล้ว จึงกล่าวว่า)
[106] นางโจรชื่ออุทัญจนีเบียดเบียนข้าพเจ้า
ผู้อยู่อย่างสบายให้เดือดร้อน
เพราะเรียกตนเองว่าเป็นภรรยาจึงร้องขอน้ำมันและเกลือ
อุทัญจนีชาดกที่ 6 จบ

7. สาลิตตกชาดก (107)
ว่าด้วยศิลปะในการดีดก้อนกรวด
(อำมาตย์โพธิสัตว์เข้าไปเฝ้าพระราชากราบทูลลาไปเรียนศิลปะว่า)
[107] ขึ้นชื่อว่าศิลปะแม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง
ก็สามารถให้สำเร็จประโยชน์ได้โดยแท้
ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรหมู่บ้านในทิศทั้ง 4
ที่คนง่อยได้แล้วเพราะการดีดมูลแพะ
สาลิตตกชาดกที่ 7 จบ

8. พาหิยชาดก (108)
ว่าด้วยศิลปะของหญิงสาวบ้านนอก
(พระโพธิสัตว์กราบทูลคุณค่าแห่งศิลปะที่ควรศึกษาว่า)
[108] บุคคลควรศึกษาศิลปะทั้งหลายที่ควรศึกษา
ชนทั้งหลายที่พอใจในศิลปะเหล่านั้นยังมีอยู่
เพราะว่าหญิงสาวบ้านนอกก็ยังทำพระราชาให้พอพระทัย
ด้วยความเอียงอายของเธอ
พาหิยชาดกที่ 8 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :44 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [1. เอกกนิบาต] 11. ปโรสตวรรค รวมชาดกที่มีในวรรค
9. กุณฑปูวชาดก (109)
ว่าด้วยเทวดากินพลีกรรมที่ทำจากรำข้าว
(เทวดาโพธิสัตว์สถิตเหนือค่าคบไม้พูดกับคนยากจนคนหนึ่งผู้มาทำพลีกรรมว่า)
[109] คนบริโภคอย่างไร เทวดาของเขาก็บริโภคอย่างนั้น
ท่านจงนำขนมที่ทำด้วยรำข้าวมา
อย่าให้ส่วนของข้าพเจ้าเสียหายเลย
กุณฑปูวชาดกที่ 9 จบ

10. สัพพสังหารกปัญหชาดก (110)
ว่าด้วยการพูดของหญิง 2 ประเภท
(พระโพธิสัตว์ขัดสีเครื่องประดับอยู่เมื่อรู้ว่าดอกประยงค์บานแล้ว จึงกล่าวว่า)
[110] กลิ่นเครื่องอบทั้งปวงไม่มี
มีแต่กลิ่นดอกประยงค์ล้วน ๆ ฟุ้งไป
หญิงนักเลงคนนี้พูดแต่คำเหลาะแหละ
ส่วนหญิงผู้ใหญ่พูดแต่คำสัตย์
สัพพสังหารกปัญหชาดกที่ 10 จบ
ปโรสตวรรคที่ 11 จบ

รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ
1. ปโรสตชาดก 2. ปัณณิกชาดก
3. เวริชาดก 4. มิตตวินทชาดก
5. ทุพพลกัฏฐชาดก 6. อุทัญจนีชาดก
7. สาลิตตกชาดก 8. พาหิยชาดก
9. กุณฑปูวชาดก 10. สัพพสังหารกปัญหชาดก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :45 }