เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [14. ปกิณณกนิบาต] 5. ภิสชาดก (488)
(พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาว่า)
[96] ฤๅษีทั้งหลายไม่ใช่นักฟ้อนสำหรับพระองค์
และไม่ใช่บุคคลที่จะพึงล้อเล่น
ไม่ใช่ญาติ และไม่ใช่สหายของพระองค์
ขอถวายพระพร ท้าวสหัสสนัยน์เทวราช
อาศัยเหตุอะไร พระองค์จึงได้ล้อเล่นกับฤๅษีทั้งหลาย
(ท้าวสักกะขอขมาพระโพธิสัตว์ว่า)
[97] ท่านพราหมณ์ ขอพระคุณเจ้าจงเป็นทั้งอาจารย์
และบิดาของโยม
ข้อนี้ขอจงเป็นที่พึ่งแก่โยมผู้พลั้งพลาดไปแล้ว
ท่านผู้มีปัญญาเพียงดังแผ่นดิน ขอท่านจงงดโทษสักครั้งหนึ่งเถิด
บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่ถือโกรธ
(พระโพธิสัตว์งดโทษต่อท้าวสักกะแล้วให้หมู่ฤๅษียกโทษให้ว่า)
[98] คืนเดียวที่พวกฤๅษีอยู่ในป่าก็นับว่าอยู่ดีแล้ว
เพราะพวกเราได้เห็นท้าวสักกะผู้เป็นจอมเทพ
ขอพระคุณเจ้าทั้งปวงจงพอใจ เพราะพราหมณ์ได้เหง้าบัวคืนมา
(พระศาสดาได้ตรัสคาถาประมวลชาดกว่า)
[99] ในกาลนั้น ตถาคต สารีบุตร โมคคัลลานะ
กัสสปะ อนุรุทธะ ปุณณะ และอานนท์ ทั้ง 7 เป็นพี่น้องกัน
[100] ในกาลนั้น อุบลวรรณาเป็นน้องสาว ขุชชุตตราเป็นทาสี
จิตตคหบดีเป็นทาส สาตาคิระเป็นยักษ์
[101] ในกาลนั้น ปาลิเลยยะได้เป็นช้าง
วานรที่ถวายน้ำผึ้งได้เป็นวานรตัวประเสริฐ
กาฬุทายีได้เป็นท้าวสักกะ พวกเธอจงทรงจำชาดกไว้อย่างนี้
ภิสชาดกที่ 5 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :439 }