เมนู

11. เอกาทสกนิบาต
1. มาตุโปสกชาดก (455)
ว่าด้วยพญาช้างเลี้ยงมารดา
(มารดาพระโพธิสัตว์ได้กล่าวคร่ำครวญว่า)
[1] เพราะพญาช้างเผือกนั้นจากไป
ไม้อ้อยช้าง ไม้โมกมัน ไม้ช้างน้าว หญ้างวงช้าง
ข้าวฟ่างและลูกเดือยก็เจริญงอกงาม
อนึ่ง ต้นกรรณิการ์ทั้งหลายที่เชิงเขาก็ออกดอกบานสะพรั่ง
[2] ไม่ว่าจะเป็นบ้าน หรือเมืองไหนก็ตาม
พระราชา หรือราชมหาอำมาตย์ผู้มีเครื่องประดับทองคำ
ย่อมจะบำรุงเลี้ยงซึ่งพญาช้าง
ที่พระเจ้าแผ่นดิน หรือพระราชโอรสทรงใช้ประทับทรง
ไม่ครั่นคร้ามอาจสังหารศัตรูได้ด้วยอาหาร
(พระราชาทรงขอร้องพญาช้างนั้นว่า)
[3] พญาช้างจงรับเอาอาหารเถิด อย่าได้ผ่ายผอมเลย
งานหลวงนั้นยังมีอยู่เป็นอันมาก ที่ท่านจะกระทำต่อไป
(พระโพธิสัตว์ฟังพระดำรัสนั้นแล้วจึงกราบทูลว่า)
[4] นางช้างนี้นั้นน่าสงสารจริง ตาบอด ไม่มีผู้นำทาง
เท้าคงจะสะดุดตอดิ้นรนไปจนถึงภูเขาจัณโฑรณะแน่นอน
(พระราชาตรัสถามว่า)
[5] พญาช้าง นางช้างตาบอดไม่มีผู้นำทาง
เท้าสะดุดตอดิ้นรนไปจนถึงภูเขาจัณโฑรณะ
นางช้างเชือกนั้นเป็นอะไรกับเจ้า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :354 }


1. มาตุโปสกชาดก (455)
(พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[6] ขอเดชะพระมหาราช นางช้างตาบอดไม่มีผู้นำทาง
เท้าสะดุดตอดิ้นรนไปจนถึงภูเขาจัณโฑรณะ
นางช้างเผือกนั้นเป็นมารดาของข้าพระพุทธเจ้าเอง
(พระราชาสดับเหตุผลนั้นแล้วจึงได้ตรัสว่า)
[7] ท่านทั้งหลายจงปล่อยพญาช้างที่เลี้ยงมารดานี้ไป
ขอพญาช้างจงอยู่ร่วมกับมารดาและพวกญาติทั้งปวงเถิด
(พระศาสดาตรัสคาถาต่อไปว่า)
[8] พญาช้างพอพ้นจากเครื่องผูก
ซึ่งพระเจ้ากาสีทรงสั่งกลับ
พักอยู่ครู่หนึ่ง แล้วได้ไปยังภูเขา
[9] ต่อแต่นั้นมา พญาช้างได้ไปยังสระบัวที่มีน้ำเยือกเย็น
ซึ่งพวกช้างอาศัยอยู่ ใช้งวงนำน้ำมาพ่นรดมารดา
(มารดาพระโพธิสัตว์เมื่อจะด่าจึงกล่าวว่า)
[10] ฝนอะไรนี้ไม่ดีเลย ไม่ตกต้องตามฤดูกาล
ลูกรักของเราที่คอยดูแลปรนนิบัติเราก็พลอยหายไปด้วย
(พระโพธิสัตว์เมื่อจะปลอบโยนมารดาจึงกล่าวว่า)
[11] ลุกขึ้นเถิดแม่ มัวนอนอยู่ทำไม ลูกรักของแม่มาแล้ว
พระเจ้ากาสีผู้ปรีชาญาณ มีบริวารยศทรงปล่อยลูกมาแล้ว
(มารดาพระโพธิสัตว์เมื่อจะอนุโมทนาจึงกล่าวว่า)
[12] ขอพระราชาผู้ทรงทนุบำรุงแคว้นกาสีให้เจริญรุ่งเรือง
ซึ่งทรงปล่อยลูกของเราผู้ประพฤติอ่อนน้อม
ต่อผู้หลักผู้ใหญ่ทุกเมื่อ ขอจงทรงมีพระชนมายุยืนนาน
มาตุโปสกชาดกที่ 1 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :355 }