เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [10. ทสกนิบาต] 3. จตุโปสถิยชาดก (441)
(พระราชาเหล่านั้นทั้งหมดพากันถามวิธุรบัณฑิตโพธิสัตว์ว่า)
[28] พวกข้าพเจ้าขอถามท่านผู้มีปัญญาไม่ทราม รู้สิ่งที่ควรทำ
พวกข้าพเจ้าเกิดมีการโต้แย้งกันในถ้อยคำทั้งหลาย
ในวันนี้ ขอท่านจงตัดความสงสัยลังเลใจให้ด้วย
จงช่วยข้าพเจ้าทั้งหมดให้ข้ามพ้นความสงสัยลังเลใจนั้นเสีย
(วิธุรบัณฑิตโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[29] บัณฑิตเหล่าใดได้เห็นเนื้อความ
บัณฑิตเหล่านั้นจึงจะกล่าวได้อย่างแยบคายในกาลนั้น
ขอเดชะพระองค์ผู้จอมชน ท่านผู้ฉลาดทั้งหลาย
จะแนะนำเนื้อความแห่งถ้อยคำที่ยังมิได้บอกกล่าวได้อย่างไรหนอ
[30] ก็พญานาคราชกล่าวสรรเสริญเรื่องอะไร
พญาครุฑบุตรของนางวินตากล่าวสรรเสริญเรื่องอะไร
ราชาแห่งคนธรรพ์กล่าวสรรเสริญเรื่องอะไร
ราชาแห่งชาวแคว้นกุรุผู้ประเสริฐกล่าวสรรเสริญเรื่องอะไร
(พระราชาทั้ง 4 พระองค์ตรัสกับวิธุรบัณฑิตโพธิสัตว์ว่า)
[31] พญานาคกล่าวสรรเสริญขันติ
พญาครุฑบุตรของนางวินตากล่าวสรรเสริญความเป็นผู้มีอาหารน้อย
ราชาแห่งคนธรรพ์กล่าวสรรเสริญการละความอภิรมย์
พระราชาแห่งชาวแคว้นกุรุผู้ประเสริฐกล่าวสรรเสริญความไม่กังวล
(วิธุรบัณฑิตโพธิสัตว์กราบทูลว่า)
[32] คำเหล่านี้ทั้งหมดเป็นสุภาษิต
ก็ในคำเหล่านี้ หาคำที่เป็นทุพภาษิตไม่ได้สักข้อเดียว
และคุณธรรมทั้ง 4 ประการนี้มีอยู่ในนรชนใดอย่างมั่นคง
เหมือนอย่างซี่กำที่สอดใส่ไว้ในดุมเกวียน
นรชนนั้นแลผู้พรั่งพร้อมด้วยธรรมทั้ง 4 ประการ
บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า เป็นสมณะในโลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :326 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [10. ทสกนิบาต] 3. จตุโปสถิยชาดก (441)
(พระราชาทั้ง 4 พระองค์ตรัสว่า)
[33] ท่านประเสริฐจริงหนอ ยอดเยี่ยม เป็นผู้ถึงธรรม
รู้ธรรม มีปัญญาดี สางปัญหาได้ด้วยปัญญา
เป็นนักปราชญ์ ขจัดความสงสัยลังเลใจเสียได้
เหมือนนายช่างงาตัดงาช้างด้วยเลื่อยอันคม
[34] ท่านผู้เป็นนักปราชญ์ ข้าพเจ้าพอใจการแก้ปัญหาของท่าน
นี้เป็นผ้าสีดอกอุบล ผุดผ่อง เนื้อละเอียดเสมือนควันไฟ
หาค่ามิได้ ข้าพเจ้าขอมอบให้ท่านเพื่อบูชาธรรม
[35] ท่านผู้เป็นนักปราชญ์ ข้าพเจ้าพอใจการแก้ปัญหาของท่าน
นี้เป็นพวงมาลาทองคำ แย้มบาน มีกลีบถึง 100 กลีบ
มีเกษรที่ประดับประดาด้วยรัตนะถึง 1,000
ข้าพเจ้าขอมอบให้ท่านเพื่อบูชาธรรม
[36] ท่านผู้เป็นนักปราชญ์ ข้าพเจ้าพอใจการแก้ปัญหาของท่าน
แก้วมณีหาค่ามิได้ สวยงาม ผุดผ่อง เป็นเครื่องประดับคล้องคอ
ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอมอบให้ท่านเพื่อบูชาธรรม
[37] ข้าพเจ้าพอใจการแก้ปัญหาของท่าน ขอมอบโคนม โคผู้
และช้าง อย่างละ 1,000 ตัว รถเทียมม้าอาชาไนย 10 คัน
และบ้านส่วย 16 ตำบลเหล่านี้ให้แก่ท่านเพื่อบูชาธรรม
(พระบรมศาสดาทรงประมวลชาดกมาตรัสพระคาถาสุดท้ายว่า)
[38] พญานาคในครั้งนั้น คือ พระสารีบุตร
ส่วนพญาครุฑ คือ โกลิตะ1 ราชาแห่งคนธรรพ์ คือ พระอนุรุทธะ
พระราชา คือ พระอานนท์ผู้เป็นบัณฑิต
ส่วนวิธุรบัณฑิต คือ พระโพธิสัตว์
เธอทั้งหลายจงทรงจำชาดกไว้อย่างนี้แล
จตุโปสถิยชาดกที่ 3 จบ

เชิงอรรถ :
1 โกลิตะ คือ พระมหาโมคคัลลานเถระ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :327 }