เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [7. สัตตกนิบาต] 2. คันธารวรรค 9. ชาครชาดก (414)
[125] แม้ต้นไม้เหล่าอื่นมีรากและลำต้นมั่นคง
ที่ถูกนกตัวนี้นำพืชมาทำลายก็มีอยู่
[126] ต้นไม้ทั้งหลายที่งอกขึ้นมา
จะเติบโตเกินต้นไม้เจ้าป่าแม้ที่มีลำต้นใหญ่โต
พญาครุฑ เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าเมื่อเห็นภัยในอนาคต
จึงสะทกสะท้าน
(พญาครุฑกล่าวว่า)
[127] บุคคลพึงระแวงภัยที่ควรระแวง
พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง
เพราะภัยที่ยังมาไม่ถึง
นักปราชญ์จึงได้พิจารณาเห็นโลกทั้ง 2
โกฏสิมพลิชาดกที่ 7 จบ

8. ธูมการิชาดก (413)
ว่าด้วยพราหมณ์ผู้ก่อไฟรมควัน
(พระศาสดาตรัสขยายอาการถามของพระธนญชัยในอดีตว่า)
[128] พระเจ้ายุธิฏฐิละผู้ใคร่ธรรม ได้ตรัสถามวิธุรบัณฑิตว่า
พราหมณ์ เจ้าทราบบ้างไหม มีใครคนหนึ่งเศร้าโศกมาก
(พระโพธิสัตว์กราบทูลพระราชาว่า)
[129] มีพราหมณ์วาเสฏฐโคตร บูชาไฟอยู่ในป่ากับฝูงแพะ
ไม่เกียจคร้าน ก่อไฟรมควันทั้งกลางวันและกลางคืน
[130] ด้วยกลิ่นควันไฟนั้นของเขา พวกละมั่งถูกยุงรบกวน
จึงได้เข้าไปอยู่ใกล้พราหมณ์ผู้ก่อไฟรมควันตลอดฤดูฝน
[131] เขาพอใจพวกละมั่ง เลยไม่เอาใจใส่พวกแพะ
มันจะมาหรือจะไปก็ไม่รับรู้
แพะเหล่านั้นของเขาจึงพินาศไป

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :278 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [7. สัตตกนิบาต] 2. คันธารวรรค 9. ชาครชาดก (414)
[132] เมื่อป่าไร้ยุงในฤดูใบไม้ร่วง
พวกละมั่งก็พากันเข้าไปยังซอกเขาและต้นน้ำลำธาร
[133] พราหมณ์เห็นพวกละมั่งจากไปแล้ว
และพวกแพะก็ถึงความพินาศ จึงซูบผอม
มีผิวพรรณหม่นหมองและเป็นโรคผอมเหลือง
[134] ด้วยประการเช่นนี้ ผู้ใดไม่สนใจคนเก่าของตน
รักแต่คนมาใหม่ ผู้นั้นก็จะโดดเดี่ยว
เศร้าโศกมากเหมือนดังพราหมณ์ผู้ก่อไฟรมควัน
ธูมการิชาดกที่ 8 จบ

9. ชาครชาดก (414)
ว่าด้วยผู้หลับและตื่น
(รุกขเทวดาถามพระโพธิสัตว์ว่า)
[135] ในโลกนี้ เมื่อเขาตื่น ใครหลับ เมื่อเขาหลับ ใครตื่น
ใครจะเข้าใจปัญหานี้ของเราหนอ
ใครจะตอบปัญหานี้แก่เราได้
(พระโพธิสัตว์ตอบว่า)
[136] เมื่อพวกเขาตื่นอยู่ ข้าพเจ้าหลับ
เมื่อพวกเขาหลับ ข้าพเจ้าตื่นอยู่
ข้าพเจ้าเข้าใจปัญหานี้ ข้าพเจ้าขอตอบท่าน
(รุกขเทวดาถามว่า)
[137] เมื่อพวกเขาตื่น ท่านหลับอย่างไร
เมื่อพวกเขาหลับ ท่านตื่นอย่างไร
ท่านเข้าใจปัญหานี้อย่างไร
ท่านตอบข้าพเจ้าได้อย่างไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :279 }