พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [6. ฉักกนิบาต] 2. ขรปุตตวรรค 4. สุวัณณกักกฏกชาดก (389)
(ช่างทองโพธิสัตว์ฟังคำของนางกุมาริกานั้น จึงกล่าวว่า)
[86] คนที่ฉลาดรู้อยู่พึงมาขายเข็มในหมู่บ้านช่างเหล็ก
อาจารย์เท่านั้นจึงจะรู้ได้ว่า งานนั้นทำดีหรือไม่ดี
[87] นางผู้เจริญ ถ้าบิดาของเธอรู้เรื่องเข็มเล่มนี้ที่ฉันทำแล้ว
จะต้องเชื้อเชิญฉันด้วยตัวเธอและทรัพย์สินอื่น ๆ ที่มีอยู่ในเรือนนี้
สูจิชาดกที่ 2 จบ
3. ตุณฑิลชาดก (388)
ว่าด้วยตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์
(จูฬตุณฑิลสุกรบอกเหตุที่ตนเห็นมาว่า)
[88] วันนี้ นายแม่ของเราเปลี่ยนอาหารให้ใหม่
รางข้าวมีอาหารเต็มบริบูรณ์
นายแม่ก็ยืนอยู่ใกล้ ๆ
คนจำนวนมากก็ยืนถือบ่วงอยู่
ฉันไม่อยากกินเลย
(มหาตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์ได้กล่าวว่า)
[89] เจ้าสะดุ้งกลัว หัวหมุน มองหาที่พึ่งไปไย
เจ้าไม่มีที่พึ่งหรอก จะหนีไปไหนกัน
พ่อตุณฑิละ อย่าดิ้นรนไปเลย กินเสียเถิด
พวกเราถูกเขาขุนเพื่อต้องการเนื้อ
[90] เจ้าจงลงสู่ห้วงน้ำที่ไม่มีโคลนตม
ชำระเหงื่อและมลทินทั้งปวงให้สิ้นไป
แล้วถือเอาเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่
ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหน ๆ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [6. ฉักกนิบาต] 2. ขรปุตตวรรค 4. สุวัณณกักกฏกชาดก (389)
(จูฬตุณฑิลสุกรถามว่า)
[91] อะไรหนอคือห้วงน้ำที่ไม่มีโคลนตม
อะไรเล่าที่เรียกว่าเหงื่อและมลทิน
และอะไรเล่าคือเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่
ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหน ๆ
(มหาตุณฑิลสุกรโพธิสัตว์กล่าวว่า)
[92] ธรรมะคือห้วงน้ำที่ไม่มีโคลนตม
บาปเรียกว่าเหงื่อและมลทิน
อนึ่ง ศีลคือเครื่องลูบไล้ชนิดใหม่
ที่มีกลิ่นหอมไม่จางหายไปในกาลไหน ๆ
[93] คนที่ฆ่าสัตว์ย่อมพอใจ ส่วนสัตว์ที่ถูกฆ่าย่อมไม่พอใจ
ในคืนเดือนเพ็ญแห่งวันอุโบสถ สัตว์ทั้งหลายเช่นเรายินดีสละชีพ
ตุณฑิลชาดกที่ 3 จบ
4. สุวัณณกักกฏกชาดก (389)
ว่าด้วยปูทองที่ฉลาด
(กาด่างูว่า)
[94] เราถูกปูทองซึ่งมีตาโปนออกมา
มีกระดูกเป็นหนัง1 อาศัยอยู่ในน้ำ ไม่มีขน หนีบแล้ว
ร้องขอความกรุณาอยู่
เพื่อนเอ๋ย เพราะเหตุใดหนอ ท่านจึงละทิ้งเราไป
(พระศาสดาทรงแสดงข้อความนี้ว่า)
[95] งูผู้เป็นเพื่อนนั้น เมื่อจะป้องกันกาผู้เป็นเพื่อน
จึงพ่นพิษพร้อมกับแผ่พังพานใหญ่ไปจนถึงตัวปู
ปูจึงได้หนีบงูไว้อีก
เชิงอรรถ :
1 คำว่า มีกระดูกเป็นหนัง ได้แก่ กระดองปู