เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [6. ฉักกนิบาต] 1. อวาริยวรรค 7. สิริกาฬกัณณิชาดก (382)
(พระนางอาสังกากุมาริกาเทวีได้สดับพระราชดำรัสนั้น จึงกราบทูลว่า)
[33] คำว่า อาสังกา นั่นแหละเป็นชื่อของหม่อมฉัน
ข้าแต่มหาราชผู้จอมทัพ ขอพระองค์ทรงคอยก่อน
หม่อมฉันขอบอกลาบิดาก่อน
อาสังกชาดกที่ 5 จบ

6. มิคาโลปชาดก (381)
ว่าด้วยนกแร้งมิคาโลปะ
(พญาแร้งโพธิสัตว์เรียกลูกมาอบรมว่า)
[34] มิคาโลปะ พ่อไม่พอใจเลยที่เจ้าบินไปเช่นนั้น
ลูกเอ๋ย เจ้าบินสูงเกินไป เลยขอบเขตของพวกแร้งไปแล้ว
[35] เมื่อใด แผ่นดินปรากฏแก่เจ้าเสมือนแปลงนา 4 เหลี่ยม
ลูกเอ๋ย เมื่อนั้น เจ้าจงกลับจากที่นั้น อย่าบินเลยที่นั้นไป
[36] แม้นกเหล่าอื่นที่มีปีกเป็นยานพาหนะ บินไปในอากาศ
สำคัญตนว่ายั่งยืน ถูกแรงลมพัดพินาศแล้วก็มีอยู่
(พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า)
[37] นกแร้งมิคาโลปะไม่เชื่อฟังคำสอนของแร้งอปรัณณะพ่อผู้เฒ่า
บินผ่านลมกาละไป ตกอยู่ในอำนาจลมเวรัมภา (ลมกรด)
[38] ลูกเมียของมัน และนกแร้งเหล่าอื่นที่อาศัยมันเป็นอยู่
ทั้งหมดก็ถึงความพินาศ เพราะนกที่ไม่ทำตามโอวาทตัวเดียว
[39] ผู้ใดในโลกนี้ไม่เชื่อฟังคำของผู้ใหญ่ทั้งหลาย
ประพฤติเกินขอบเขตย่อมเดือดร้อน
เหมือนนกแร้งที่ละเมิดคำสอน
ชนทั้งหลายย่อมถึงความพินาศทุกคน
เพราะไม่กระทำตามคำสอนของท่านผู้รู้
มิคาโลปชาดกที่ 6 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :234 }