เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [4. จตุกกนิบาต] 1. กาลิงควรรค 7. ปลาสชาดก (307)
(พระศาสดาได้ตรัส 2 พระคาถานี้ว่า)
[19] ทุชัจจมาณพ สุชัจจมาณพ นันทมาณพ
สุขวัจฉนมาณพ วัชฌมาณพ และอัทธุวสีลมาณพนั้น
มีความต้องการหญิงสาว จึงพากันละธรรมเสีย
[20] ส่วนพราหมณ์ผู้ถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง มีปัญญา
มีความก้าวหน้าในสัจจธรรม ตามรักษาธรรมอยู่
ละทิ้งอิตถีลาภเพราะเหตุอะไรเล่า
สีลวีมังสชาดกที่ 5 จบ

6. สุชาตาชาดก (306)
ว่าด้วยพระนางสุชาดา
(พระนางสุชาดาเทวีทูลถามพระราชาว่า)
[21] ฝ่าพระบาท ผลไม้สีแดงเกลี้ยงเกลาเหล่านี้
ที่เก็บไว้ในถาดทองคำ มีชื่อว่าผลอะไร
หม่อมฉันทูลถามแล้ว
ขอพระองค์จงตรัสบอกหม่อมฉัน
(พระราชาทรงกริ้ว จึงตรัสว่า)
[22] พระเทวี เมื่อก่อนเธอเป็นคนหัวโล้น
นุ่งผ้าเก่าเหน็บชายพก
เที่ยวเลือกเก็บผลไม้เหล่าใด
นี้เป็นผลไม้ประจำตระกูลของเธอ
[23] หญิงต่ำทรามผู้นี้อยู่ในราชตระกูล
ย่อมเดือดร้อนไม่รื่นรมย์
โภคะทั้งหลายย่อมละผู้ไม่มีบุญไป
พวกท่านจงนำหญิงนี้กลับไปในสถานที่ที่หล่อนเก็บพุทราขาย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :160 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [4. จตุกกนิบาต] 1. กาลิงควรรค 7. ปลาสชาดก (307)
(อำมาตย์โพธิสัตว์คิดช่วยเหลือพระนางสุชาดาเทวี จึงกราบทูลว่า)
[24] ข้าแต่มหาราช โทษคือความประมาทเลินเล่อเหล่านี้
ย่อมมีแก่หญิงผู้ได้ยศ
ขอพระองค์โปรดทรงละเว้นแก่พระนางสุชาดา
ข้าแต่สมมติเทพ ขอพระองค์อย่าทรงพิโรธ
ต่อพระนางสุชาดานั้นเลย
สุชาตาชาดกที่ 6 จบ

7. ปลาสชาดก (307)
ว่าด้วยพราหมณ์ขยันกวาดใบไม้
(รุกขเทวดาโพธิสัตว์ถามพราหมณ์ผู้มากวาดโคนต้นไม้ว่า)
[25] พราหมณ์ ท่านก็รู้อยู่ว่า
ไม้ใบต้นนี้ไม่มีจิตใจ ไม่ได้ยินเสียง และไม่มีความรู้สึก
เพราะเหตุไร ท่านจึงไม่ลืม
เพียรพยายามถามอยู่เป็นนิตย์ถึงการนอนเป็นสุข
(พราหมณ์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวตอบว่า)
[26] ต้นไม้ใหญ่ปรากฏได้ในที่ไกล
ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ราบเรียบ เป็นที่สถิตของเทพยดา
เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าจึงนอบน้อมไม้ใบต้นนี้
และเทพยดาผู้สถิตอยู่ในไม้ใบต้นนี้ เพราะเหตุแห่งทรัพย์
(รุกขเทวดาโพธิสัตว์เลื่อมใสต่อพราหมณ์ จึงกล่าวว่า)
[27] พราหมณ์ ข้าพเจ้านั้นเพ่งถึง
ความเป็นผู้รู้อุปการคุณที่ท่านทำแล้ว
จักตอบแทนท่านตามอานุภาพของตน
ก็การที่ท่านมาในสำนักของสัตบุรุษทั้งหลาย
แล้วทำการขวนขวายจะพึงไร้ผลได้อย่างไร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :161 }