เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [3. ติกนิบาต] 4. อัพภันตรวรรค 5. มณิสูกรชาดก (285)
[95] เพราะฉะนั้น บุคคลเพียงผู้เดียว
กระทำไมตรีกับชาวโลกทั้งปวง
ละโลกนี้ไปแล้วพึงไปสู่สวรรค์
พวกท่านผู้เป็นชาวกาสีจงฟังคำของเรานี้เถิด
(พระศาสดาตรัสพระคาถาว่า)
[96] พระเจ้ากังสมหาราชผู้ทรงปกครองกรุงพาราณสี
ครั้นทรงมีพระดำรัสนี้แล้ว ทรงสละธนูและลูกศร
ทรงสำรวมออกผนวชแล้ว
เสยยชาดกที่ 2 จบ

3. วัฑฒกีสูกรชาดก (283)
ว่าด้วยสุกรชื่อวัฑฒกี
(ชฎิลโกงเห็นเสือโคร่งกลับมาตัวเปล่า จึงกล่าวกับเสือโคร่งว่า)
[97] เจ้าเสือโคร่ง ในวันก่อนเจ้าเที่ยวย่ำยีเหล่าสุกรที่นี้
แต่บัดนี้ เจ้าซบเซามาแต่ผู้เดียว
วันนี้ เจ้าไม่มีแรงหรือ เสือโคร่ง
(เสือโคร่งได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวว่า)
[98] ได้ยินว่า ในวันก่อนสุกรเหล่านี้เห็นข้าพเจ้าแล้วเกิดความกลัว
แยกย้ายกันวิ่งหนีไปหาที่ซุกซ่อนตัวละทิศละทาง
แต่วันนี้สุกรเหล่านั้นมาอยู่รวมกันในชัยภูมิที่ข้าพเจ้าจะย่ำยีได้ยาก
(เทวดาที่สิงสถิตอยู่ในไพรสณฑ์นั้นได้กล่าวว่า)
[99] ข้าพเจ้าขอนอบน้อมฝูงสุกรที่มาประชุมพร้อมกัน
ข้าพเจ้าเห็นด้วยตัวเองซึ่งมิตรภาพอันไม่เคยปรากฏมาก่อน
จึงกล่าวสรรเสริญฝูงสูกรที่มีเขี้ยวเป็นกำลังจึงชนะเสือโคร่งได้
และพ้นมรณภัยได้ด้วยความสามัคคี
วัฑฒกีสูกรชาดกที่ 3 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :142 }