เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [3. ติกนิบาต] 2. ปทุมวรรค 10. อุลูกชาดก
(พวกลิงได้ฟังคำของพระโพธิสัตว์แล้ว จึงกล่าวว่า)
[53] ท่านผู้ประเสริฐ ท่านยังไม่รู้จึงได้ติเตียนอย่างนี้
พวกเราไม่เห็นรากแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า
ต้นไม้หยั่งรากลงลึกแค่ไหน
(พระโพธิสัตว์กล่าวว่า)
[54] เราไม่ติเตียนพวกเจ้าที่เป็นลิงป่าหรอก
แต่ผู้ที่ควรถูกตำหนิคือพระเจ้าวิสสเสนะ
ที่พวกเจ้าปลูกต้นไม้ให้
อารามทูสกชาดกที่ 8 จบ

9. สุชาตาชาดก (269)
ว่าด้วยทรงปรารภนางสุชาดา
(พระโพธิสัตว์เป็นโอรสของพระเจ้าพรหมทัตได้ตรัสกับพระมารดาว่า)
[55] ธรรมดาสัตว์ทั้งหลายที่สมบูรณ์ด้วยวรรณะ
มีเสียงอันไพเราะ น่ารักน่าชม แต่พูดจาหยาบกระด้าง
ย่อมไม่เป็นที่รักของใคร ๆ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
[56] พระองค์ทรงทอดพระเนตรแล้วมิใช่หรือ
นกดุเหว่าสีดำตัวนี้มีสีไม่สวย ลายพร้อยไปทั้งตัว
แต่เป็นที่รักของสัตว์ทั้งหลายจำนวนมาก
เพราะร้องด้วยเสียงอันไพเราะ
[57] เพราะฉะนั้นบุคคลควรพูดคำอันสละสลวย
คิดก่อนพูด พูดพอประมาณไม่ฟุ้งซ่าน
ถ้อยคำของผู้ที่แสดงเป็นอรรถเป็นธรรม
เป็นถ้อยคำอันไพเราะ เป็นถ้อยคำที่เป็นภาษิต
สุชาตาชาดกที่ 9 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :132 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [3. ติกนิบาต] 2. ปทุมวรรค 10. อุลูกชาดก
10. อุลูกชาดก (270)
ว่าด้วยนกเค้า
(กาตัวหนึ่งไม่พอใจการตั้งนกเค้าให้เป็นราชา จึงกล่าวกับนกทั้งหลายว่า)
[58] ได้ข่าวว่า พวกญาติทั้งหมดจะแต่งตั้งนกเค้าให้เป็นใหญ่
ถ้าพวกญาติอนุญาต ข้าพเจ้าจะขอพูดสักคำหนึ่ง
(นกทั้งหลายอนุญาตว่า)
[59] เอาเถิดเพื่อน พวกเราทั้งหมดอนุญาต
แต่เจ้าจงพูดแต่ถ้อยคำที่เป็นอรรถเป็นธรรมเท่านั้น
เพราะว่าพวกนกหนุ่ม ๆ ที่มีปัญญา
และทรงไว้ซึ่งญาณอันรุ่งเรืองยังมีอยู่
(กาได้รับอนุญาตแล้ว จึงกล่าวว่า)
[60] ขอความเจริญรุ่งเรืองจงมีแก่ท่านทั้งหลาย
การที่แต่งตั้งนกเค้าให้เป็นใหญ่นั้น ข้าพเจ้ายังไม่ชอบใจ
ท่านจงมองดูหน้านกเค้าที่ยังไม่โกรธดูซิ
ถ้านกเค้าโกรธจะทำหน้าอย่างไร
อุลูกชาดกที่ 10 จบ
ปทุมวรรคที่ 2 จบ

รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ

1. ปทุมชาดก 2. มุทุปาณิชาดก
3. จูฬปโลภนชาดก 4. มหาปนาทชาดก
5. ขุรัปปชาดก 6. วาตัคคสินธวชาดก
7. สุวัณณกักกฏกชาดก 8. อารามทูสกชาดก
9. สุชาตาชาดก 10. อุลูกชาดก


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :133 }