เมนู

3. ติกนิบาต
1. สังกัปปวรรค
หมวดว่าด้วยความดำริ
1. สังกัปปราคชาดก (251)
ว่าด้วยราคะเกิดเพราะความดำริ
(พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาลถูกลูกศรคือกิเลสแทง จึงกราบ
ทูลพระราชาว่า)
[1] อาตมาถูกลูกศรคือกิเลสอาบยาพิษคือราคะ
ซึ่งเกิดจากความดำริถึงกาม ลับที่หินคือวิตก
อันนายช่างศรยังมิได้ขัดถูให้เกลี้ยงเกลา
[2] ยังมิได้ดึงสายธนูให้พ้นหมวกหูข้างขวาของคันธนู
ยังมิทันได้ติดขนปีกนกยูงเป็นต้น
แทงเข้าที่หัวใจทำความเร่าร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย
[3] อาตมามิได้เห็นบาดแผลที่ถูกแทง
และเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลเลย
ตลอดเวลาที่ไม่ได้อบรมจิตด้วยอุบายอันแยบคาย
อาตมาได้นำทุกข์มาให้แก่ตนเสียเอง
สังกัปปราคชาดกที่ 1 จบ

2. ติลมุฏฐิชาดก (252)
ว่าด้วยการผูกโกรธเพราะเมล็ดงาเพียงกำมือเดียว
(พรหมทัตตกุมารทรงผูกโกรธอาจารย์ไม่หาย จึงตรัสกับอาจารย์ว่า)
[4] การที่ท่านอาจารย์จับแขนข้าพเจ้าแล้วเฆี่ยนข้าพเจ้าด้วยไม้เรียว
เพราะงากำมือเดียวนั้นยังฝังใจข้าพเจ้าอยู่จนทุกวันนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :120 }


1. สังกัปปวรรค 3. มณิกัณฐชาดก (253)
[5] ท่านพราหมณ์ ชะรอยท่านจะไม่ใยดีในชีวิตของตนละซิ
จึงมาที่นี้ เพราะท่านเคยจับแขนข้าพเจ้าเฆี่ยนถึง 3 ครั้ง
(อาจารย์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวกราบทูลว่า)
[6] อารยชนบางคนย่อมกีดกันคนกระทำความชั่วด้วยอาชญา
การกระทำนั้นเป็นการสอนหาใช่เป็นเวรไม่
บัณฑิตทั้งหลายรู้เหตุนั้นอย่างนี้
ติลมุฏฐิชาดกที่ 2 จบ

3. มณิกัณฐชาดก (253)
ว่าด้วยการขอแก้วมณี
(พญานาคเมื่อจะห้ามดาบสมิให้ขอ จึงได้กล่าวว่า)
[7] เพราะแก้วมณีดวงนี้เป็นเหตุทำให้ข้าวน้ำเกิดขึ้น
แก่ข้าพเจ้ามากมาย
ข้าพเจ้าให้แก้วมณีท่านไม่ได้ ท่านเป็นคนขอเกินไป
ข้าพเจ้าจะไม่มาอาศรมของท่านอีกแล้ว
[8] เมื่อท่านขอแก้วมณีจนทำให้ข้าพเจ้าหวาดกลัว
เหมือนชายหนุ่มถือดาบคมที่ลับด้วยหินทำให้ผู้อื่นสะดุ้งกลัว
ข้าพเจ้าให้แก้วมณีท่านไม่ได้ ท่านเป็นคนขอเกินไป
ข้าพเจ้าจะไม่มาอาศรมของท่านอีกแล้ว
(ดาบสโพธิสัตว์ผู้พี่ได้กล่าวกับดาบสผู้น้องว่า)
[9] บุคคลไม่ควรขอสิ่งที่รู้ว่าเป็นที่รักของเขา
อนึ่ง เพราะขอเกินไปย่อมเป็นที่เกลียดชัง
นาคราชถูกฤาษีขอแก้วมณี
จึงไม่หวนกลับมาให้ฤาษีเห็นอีกเลย1
มณิกัณฐชาดกที่ 3 จบ

เชิงอรรถ :
1 วิ.มหา. (แปล) 1/344/379-381

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :121 }