เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก [2. ทุกนิบาต] 10. สิงคาลวรรค 10. กปิชาดก (250)
10. กปิชาดก (250)
ว่าด้วยการเข้าใจผิดว่าลิงเป็นฤๅษี
(ดาบสกุมารเห็นลิงปลอมมีความสงสารจึงกล่าวกับดาบสโพธิสัตว์ผู้เป็นบิดาว่า)
[200] ฤๅษีผู้นี้ยินดีในความสงบและความสำรวม
ท่านถูกภัยคือความหนาวเบียดเบียนยืนอยู่
เชิญท่านฤๅษีเข้ามายังบรรณศาลานี้
เพื่อบรรเทาความหนาว ความกระวนกระวายทั้งสิ้นเถิด
(พระโพธิสัตว์ฟังคำของบุตรแล้วจึงลุกขึ้นมองดูก็รู้ว่าเป็นลิง จึงกล่าวว่า)
[201] ผู้นี้มิใช่ฤๅษีผู้ยินดีในความสงบและความสำรวมหรอก
แต่เป็นลิงที่ห้อยโหนไปตามกิ่งมะเดื่อ
มันมักประทุษร้าย มักโกรธ และมีสันดานเลวทราม
ถ้ามันเข้ามา มันก็จะพึงทำลายบรรณศาลานี้
กปิชาดกที่ 10 จบ
สิงคาลวรรคที่ 10 จบ

รวมชาดกที่มีในวรรคนี้ คือ

1. สัพพทาฐิชาดก 2. สุนขชาดก
3. คุตติลชาดก 4. วิคติจฉชาดก
5. มูลปริยายชาดก 6. พาโลวาทชาดก
7. ปาทัญชลิชาดก 8. กิงสุโกปมชาดก
9. สาลกชาดก 10. กปิชาดก

รวมวรรคที่มีในนิบาตนี้ คือ

1. ทัฬหวรรค 2. สันถววรรค
3. กัลยาณวรรค 4. อสทิสวรรค
5. รุหกวรรค 6. นตังทัฬหวรรค
7. พีรณถัมภกวรรค 8. กาสาววรรค
9. อุปาหนวรรค 10. สิงคาลวรรค

ทุกนิบาต จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :119 }


3. ติกนิบาต
1. สังกัปปวรรค
หมวดว่าด้วยความดำริ
1. สังกัปปราคชาดก (251)
ว่าด้วยราคะเกิดเพราะความดำริ
(พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาลถูกลูกศรคือกิเลสแทง จึงกราบ
ทูลพระราชาว่า)
[1] อาตมาถูกลูกศรคือกิเลสอาบยาพิษคือราคะ
ซึ่งเกิดจากความดำริถึงกาม ลับที่หินคือวิตก
อันนายช่างศรยังมิได้ขัดถูให้เกลี้ยงเกลา
[2] ยังมิได้ดึงสายธนูให้พ้นหมวกหูข้างขวาของคันธนู
ยังมิทันได้ติดขนปีกนกยูงเป็นต้น
แทงเข้าที่หัวใจทำความเร่าร้อนไปทั่วสรรพางค์กาย
[3] อาตมามิได้เห็นบาดแผลที่ถูกแทง
และเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลเลย
ตลอดเวลาที่ไม่ได้อบรมจิตด้วยอุบายอันแยบคาย
อาตมาได้นำทุกข์มาให้แก่ตนเสียเอง
สังกัปปราคชาดกที่ 1 จบ

2. ติลมุฏฐิชาดก (252)
ว่าด้วยการผูกโกรธเพราะเมล็ดงาเพียงกำมือเดียว
(พรหมทัตตกุมารทรงผูกโกรธอาจารย์ไม่หาย จึงตรัสกับอาจารย์ว่า)
[4] การที่ท่านอาจารย์จับแขนข้าพเจ้าแล้วเฆี่ยนข้าพเจ้าด้วยไม้เรียว
เพราะงากำมือเดียวนั้นยังฝังใจข้าพเจ้าอยู่จนทุกวันนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 27 หน้า :120 }