เมนู

พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [14. ติงสนิบาต] 1. สุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา
[380] แม่นางขึ้นที่นอนใหญ่ใหม่เอี่ยม มีค่ามาก
สวยงามปูด้วยผ้าโกเชาว์ขนยาวและผ้าสำลี
คลุมด้วยผ้าที่ซักสะอาดแล้ว
ตกแต่งด้วยแก่นจันทน์มีกลิ่นหอม
[381] ดอกอุบลโผล่พ้นน้ำ ไม่มีมนุษย์ชมแล้วฉันใด
แม่นางเป็นสาวพรหมจารีก็ฉันนั้น
เมื่อส่วนเรือนร่างของแม่นางยังไม่มีใครเชยชมเลย
แม่นางก็จักถึงความชราร่วงโรยไปเสียเปล่า ๆ
(พระสุภาชีวกัมพวนิกาเถรีถามว่า)
[382] ในร่างกายที่จะต้องแตกสลายเป็นธรรมดา
ซึ่งเต็มไปด้วยซากศพ
รังแต่จะรกป่าช้านี้ มีอะไรที่ท่านเข้าใจว่าเป็นสาระ
เพราะเห็นสิ่งใด จึงเกิดติดใจ ขอท่านโปรดบอกสิ่งนั้นมาเถิด
(นักเลงเจ้าชู้ตอบว่า)
[383] เพราะเห็นดวงตาของแม่นาง เสมือนดวงตาลูกเนื้อทราย
และเสมือนดวงตากินรีที่เที่ยวอยู่ตามไหล่เขา
ความใคร่ความยินดีของฉันยิ่งกำเริบ
[384] เพราะเห็นดวงตาของแม่นางอุปมาดังปลายดอกอุบล
ดวงหน้าของแม่นางไร้ไฝฝ้าเรืองรองดังดวงหน้ารูปทองคำ
ความใคร่ความปรารถนาของฉันก็ยิ่งกำเริบ
[385] แม่นางผู้มีดวงตาบริสุทธิ์มีขนตายาว
แม้ฉันจะไปไกลแสนไกล
ก็จะยังคงระลึกถึงดวงตาทั้งคู่ของแม่นางเท่านั้น
แม่นางผู้มีดวงตาหยาดเยิ้มดังกินรี
เพราะว่าสิ่งอะไรอื่นที่น่ารักกว่าดวงตาของแม่นางสำหรับฉันไม่มีเลย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :618 }


พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย เถรีคาถา [14. ติงสนิบาต] 1. สุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา
(พระสุภาชีวกัมพวนิกาเถรีกล่าวตอบว่า)
[386] ท่านปรารถนาดิฉันผู้เป็นธิดาของพระพุทธเจ้า
นับว่าปรารถนาจะเดินทางผิด
แสวงหาดวงจันทร์เอาเป็นของเล่น
ต้องการจะกระโดดขึ้นภูเขาสิเนรุ
[387] เพราะว่า ในโลกพร้อมทั้งเทวโลก
บัดนี้ ดิฉันไม่มีความกำหนัดเลย
ความกำหนัดนั้น ดิฉันไม่รู้ดอกว่าเป็นเช่นไร
เพราะมันถูกดิฉันกำจัดเสียแล้วพร้อมทั้งรากด้วยอริยมรรค
[388] ความกำหนัดนั้นดิฉันยกออกแล้ว
เหมือนลมหอบเอาเชื้อเพลิงออกจากหลุมถ่านเพลิง
ถูกทำให้พินาศไปแต่ยอด เหมือนยกภาชนะที่ตกลงในยาพิษออกไป
ความกำหนัดนั้น ดิฉันไม่รู้ดอกว่าเป็นเช่นไร
เพราะมันถูกดิฉันกำจัดเสียแล้วพร้อมทั้งรากด้วยอริยมรรค
[389] หญิงใดไม่พิจารณาเบญจขันธ์ หรือไม่เข้าเฝ้าพระศาสดา
เชิญท่านประเล้าประโลมหญิงเช่นนั้นเถิด
ท่านนั้นจะต้องเดือดร้อน
เพราะอาศัยสุภาภิกษุณีผู้รู้ตามความเป็นจริงนี้
[390] เพราะสติของดิฉันมั่นคง
ไม่ว่าในการด่า การไหว้ สุขและทุกข์
เพราะรู้ว่าสังขารที่ปัจจัยปรุงแต่งเป็นของไม่งาม
ใจดิฉันจึงไม่ติดอยู่ในภพ 3 ทั้งสิ้นเลย
[391] ดิฉันนั้นเป็นสาวิกาของพระสุคต
ดำเนินไปด้วยยานคืออริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8
ถอนกิเลสดุจลูกศรเสียแล้ว ไม่มีอาสวะ
ยินดีอยู่แต่ในเรือนว่าง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :619 }