เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [6. ฉักกนิบาต] 1. อุรุเวลกัสสปเถรคาถา
6. ฉักกนิบาต
1. อุรุเวลกัสสปเถรคาถา
ภาษิตของพระอุรุเวลกัสสปเถระ
(พระอุรุเวลกัสสปเถระได้กล่าว 6 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[375] (พระโคดมยังไม่กำราบเราเพียงใด)
เราเห็นปาฏิหาริย์ของพระโคดมผู้เรืองยศแล้ว
ก็ยังเป็นคนลวงโลกด้วยความริษยา และมานะ
ยังไม่นอบน้อม เพียงนั้น
[376] พระศาสดาผู้เป็นสารถีฝึกคน
ทรงทราบความดำริของเราแล้ว ก็ทรงปราม
แต่นั้น เราก็ได้มีความสังเวช
ขนพองสยองเกล้าอย่างไม่เคยเป็น
[377] คราวนั้น เราละความสำเร็จนิดหน่อยของเรา
ครั้งที่เคยเป็นชฎิล1
แล้วบวชในพระศาสนาของพระชินเจ้า
[378] ครั้งก่อน เรายินดีด้วยการบูชายัญ มุ่งกามสุคติภูมิ
ภายหลัง ถอนราคะ โทสะ และแม้โมหะได้ขาด
[379] เรารู้ขันธ์ที่อาศัยอยู่มาก่อน
ได้ชำระทิพยจักษุให้หมดจดแล้ว
มีฤทธิ์ รู้จิตของผู้อื่น
และบรรลุทิพพโสตญาณ
[380] อนึ่ง เราออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิตเพื่อประโยชน์ใด
ประโยชน์นั้นเป็นที่สิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง เราบรรลุแล้ว

เชิงอรรถ :
1 นักบวชประเภทหนึ่ง เกล้าผมมุ่นเป็นมวยสูงขึ้น มักถือลัทธิบูชาไฟ บางครั้งจัดเข้าในพวกฤษี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :404 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [6. ฉักกนิบาต]2. เตกิจฉกานิเถรคาถา
2. เตกิจฉกานิเถรคาถา
ภาษิตของพระเตกิจฉกานิเถระ
(มารกล่าวว่า)
[381] ข้าวเปลือกเขาเก็บไว้ในฉาง
ข้าวสาลีก็ยังอยู่ในลาน
ข้าพเจ้าไม่ได้ก้อนข้าว
บัดนี้ยังจะทำอย่างไร
(พระเตกิจฉกานิเถระกล่าวว่า)
[382] ท่านเลื่อมใสแล้ว
จงระลึกถึงพระพุทธเจ้า
ซึ่งมีพระคุณหาประมาณมิได้
จะเป็นผู้มีสรีระที่ปีติถูกต้องแล้วเบิกบานใจเนือง ๆ
[383] ท่านเลื่อมใสแล้ว
จงระลึกถึงพระธรรม
ซึ่งมีพระคุณหาประมาณมิได้
จะเป็นผู้มีสรีระที่ปีติถูกต้องแล้ว เบิกบานใจเนือง ๆ
[384] ท่านเลื่อมใสแล้ว
จงระลึกถึงพระสงฆ์
ซึ่งมีพระคุณหาประมาณมิได้
จะเป็นผู้มีสรีระที่ปีติถูกต้องแล้ว เบิกบานใจเนือง ๆ
(มารกล่าวว่า)
[385] ท่านอยู่กลางแจ้ง
ตลอดราตรีที่เย็น ซึ่งเป็นฤดูหนาวเหล่านี้
ท่านอย่าได้ถูกความหนาวรบกวน เบียดเบียนเลย
นิมนต์เข้าวิหารซึ่งมีบานประตูหน้าต่างมิดชิดเถิด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :405 }