เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [5. ปัญจกนิบาต] 6. นทีกัสสปเถรคาถา
5. วัฑฒเถรคาถา
ภาษิตของพระวัฑฒเถระ
(พระวัฑฒเถระได้กล่าว 5 คาถากึ่งไว้ดังนี้ว่า)
[335] ทราบว่า โยมมารดาของเราดีแท้
ได้ชี้ให้เราเห็นประตักอันเป็นคำสั่งสอน
ซึ่งเราได้ถูกท่านผู้ให้กำเนิด พร่ำสอน ฟังคำมาแล้ว
ก็ได้ปรารภความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว
ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม
[336] เราเป็นพระอรหันต์ ผู้ควรแก่ทักษิณา
บรรลุวิชชา 3 เห็นอมตธรรม
ชนะเสนามารได้แล้ว อยู่อย่างไม่มีอาสวะ
[337] อาสวะที่มีแก่เราทั้งภายในและภายนอก
เราถอนได้หมดสิ้นแล้ว และจะเกิดขึ้นไม่ได้อีก
[338] โยมมารดาเป็นหญิงผู้มีความแกล้วกล้า
ได้กล่าวเนื้อความนี้แก่เรา
แม้เมื่อเราเป็นบุตรของท่านผู้ไม่มีกิเลส
กิเลสอันเปรียบเหมือนหมู่ไม้ในป่าก็ย่อมไม่มีแก่ท่านแน่
[339] ทุกข์เราทำให้สิ้นสุดแล้ว
อัตภาพนี้มีเป็นครั้งสุดท้าย
สังสารวัฏคือความเกิดและความตายหมดสิ้นแล้ว
บัดนี้ ไม่มีการเกิดอีก

6. นทีกัสสปเถรคาถา
ภาษิตของพระนทีกัสสปเถระ
(พระนทีกัสสปเถระได้กล่าว 5 คาถาไว้ดังนี้ว่า)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :396 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [5. ปัญจกนิบาต] 7. คยากัสสสปเถรคาถา
[340] พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาสู่แม่น้ำเนรัญชรา
เพื่อเป็นประโยชน์แก่เราผู้ได้ฟังธรรมแล้วละมิจฉาทิฏฐิได้
[341] ครั้งเมื่อเราเป็นปุถุชนยังมืดมนอยู่
สำคัญเอาว่า การบูชายัญนี้เป็นความบริสุทธิ์
จึงได้บูชายัญต่าง ๆ ชนิด และได้บูชาไฟด้วย
[342] เรานั้นยึดถือทิฏฐิ
ลุ่มหลงไปด้วยการเชื่อถือผิด
เป็นคนตาบอด ยังไม่รู้แจ้ง
ได้สำคัญถึงความไม่บริสุทธิ์ ว่าเป็นความบริสุทธิ์
[343] มิจฉาทิฏฐิเราละได้แล้ว
ภพทั้งปวงเราทำลายได้แล้ว
บัดนี้ เราบูชาไฟคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ควรแก่ทักษิณา
เราจะนอบน้อมพระตถาคต
[344] ความลุ่มหลงทั้งปวงเราละได้แล้ว
ภวตัณหาเราก็ทำลายได้แล้ว
การเวียนว่ายตายเกิดสิ้นไปแล้ว
บัดนี้ ไม่มีการเกิดอีก

7. คยากัสสปเถรคาถา
ภาษิตของพระคยากัสสปเถระ
(พระคยากัสสปเถระได้กล่าว 5 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[345] เรานั้นได้ลงน้ำ(ลอยบาป)ในแม่น้ำคยา
ในวันเพ็ญเดือน 4 วันหนึ่ง 3 เวลา
คือ เวลาเช้า เวลาเที่ยง เวลาเย็น
โดยเข้าใจเอาว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :397 }