เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [4. จตุตกกนิบาต] 8. ราหุลเถรคาถา
7. สัมภูตเถรคาถา
ภาษิตของพระสัมภูตเถระ
ทราบว่า ท่านพระสัมภูตเถระได้กล่าวคาถา 4 คาถาไว้ดังนี้ว่า
[291] ผู้ใดรีบในเวลาที่ควรช้า
และช้าในเวลาที่ควรรีบ
ผู้นั้นเป็นคนเขลา ย่อมประสบทุกข์
เพราะไม่จัดแจงโดยแยบคาย
[292] ประโยชน์ของเขาย่อมเสื่อมไป
เหมือนดวงจันทร์ข้างแรม
เขาย่อมได้รับความตำหนิจากวิญญูชน
และพลาดจากมิตรทั้งหลาย
[293] ผู้ใดช้าในเวลาที่ควรช้า
และรีบในเวลาที่ควรรีบ
ผู้นั้นเป็นบัณฑิตย่อมประสบสุข
เพราะจัดแจงโดยอุบายที่แยบคาย
[294] ประโยชน์ของเขา ย่อมบริบูรณ์
เหมือนดวงจันทร์ข้างขึ้น
เขาย่อมได้รับการยกย่องสรรเสริญ
และไม่พลาดจากมิตรทั้งหลาย

8. ราหุลเถรคาถา
ภาษิตของพระราหุลเถระ
(พระราหุลเถระได้กล่าว 4 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[295] ชนทั้งหลายรู้จักเราว่า พระราหุลผู้เจริญ
เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ 2 ประการนั่นเอง
คือเพราะเหตุที่เราเป็นโอรสของพระพุทธเจ้า
และได้ดวงตาเห็นธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :387 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [4. จตุตกกนิบาต] 9. จันทนเถรคาถา
[296] อนึ่ง เพราะอาสวะของเราหมดสิ้นแล้ว
และเพราะไม่มีการเกิดอีก
เราจึงเป็นพระอรหันต์ ผู้ควรแก่ทักษิณา
บรรลุวิชชา 3 เห็นอมตธรรม
[297] สัตว์ทั้งหลายมืดมนเพราะกาม
ถูกข่ายรัดรึงไว้แน่น ถูกเครื่องมุงบังคือตัณหาปกคลุมไว้
ถูกเครื่องผูกคือความประมาทผูกพันไว้ เหมือนปลาในข้อง
[298] เราสลัดกามนั้นได้ ตัดบ่วงมารได้
ถอนตัณหาพร้อมทั้งรากเหง้า
จึงเป็นผู้เย็นดับสนิท

9. จันทนเถรคาถา
ภาษิตของพระจันทนเถระ
(พระจันทนเถระได้พยากรณ์พระอรหัตด้วยคาถาไว้ดังนี้ว่า)
[299] ภรรยาแต่งตัวด้วยเครื่องประดับล้วนแต่เป็นทองคำ
มีหมู่สาวใช้ห้อมล้อม ได้อุ้มลูกมาหาเรา
[300] แต่(เรา)พอเห็นนางผู้เป็นมารดาแห่งบุตรของเรา
ได้ตกแต่งร่างกายนุ่งผ้าสวยงาม กำลังมา
เหมือนบ่วงมัจจุราชที่วางดักไว้
[301] จากนั้น โยนิโสมนสิการจึงเกิดขึ้นแก่เรา
โทษก็ปรากฏ ความเบื่อหน่ายก็เกิดขึ้นพร้อมกัน
[302] ต่อแต่นั้น จิตของเราก็หลุดพ้น
ท่านจงมองเห็นธรรมว่าเป็นธรรมดีงาม
เราบรรลุวิชชา 3 ได้ทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :388 }