เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [2. ทุกนิบาต] 4. จตุตถวรรค 1. มิคสิรเถรคาถา
[180] เมื่อเรา เป็นผู้กำจัดความกำหนัดยินดีในภพได้แล้ว
ความกำหนัดยินดีในภพย่อมไม่มีแก่เราอีก
ไม่ได้มีแล้ว จักไม่มี และในบัดนี้ก็ไม่มีแก่เรา
ตติยวรรค จบ

รวมเรื่องพระเถระที่มีในวรรคนี้ คือ

1. พระอุตตรเถระ 2. พระภัททชิเถระ
3. พระโสภิตเถระ 4. พระวัลลิยเถระ
5. พระวีตโสกเถระ 6. พระปุณณมาสเถระ
7. พระนันทกเถระ 8. พระภารตเถระ
9. พระภารทวาชเถระ 10. พระกัณหทินนเถระ

4. จตุตถวรรค
หมวดที่ 4
1. มิคสิรเถรคาถา
ภาษิตของพระมิคสิรเถระ
(พระมิคสิรเถระเมื่อจะพยากรณ์พระอรหัต จึงได้กล่าว 2 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[181] จำเดิมแต่กาลที่เราได้บวชในพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อจะหลุดพ้น ได้บรรลุ ล่วงเสียซึ่งกามธาตุ1
[182] ต่อแต่นั้น เมื่อเราเพ่งธรรมของพระพุทธเจ้าผู้เป็นดังพรหม
จิตจึงหลุดพ้นและมารู้ชัดว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ
เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งปวง

เชิงอรรถ :
1 ก้าวล่วงโลกที่ยังเกี่ยวข้องอยู่ด้วยการเสพกามด้วยอนาคามิมรรคฌาน (ขุ.เถร.อ. 1/82/472)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :362 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา [2. ทุกนิบาต] 4. จตุตถวรรค 3. อุปวาณเถรคาถา
2. สิวกเถรคาถา
ภาษิตของพระสิวกเถระ
(พระสิวกเถระเมื่อจะพยากรณ์พระอรหัต จึงได้กล่าว 2 คาถาไว้ดังนี้ว่า)
[183] เรือนคืออัตภาพที่เกิดในภพนั้น ๆ บ่อย ๆ
เป็นของไม่เที่ยง
เรามัวแสวงหานายช่างคือตัณหาผู้สร้างเรือน
จึงได้ท่องเที่ยวไปสิ้นกาลมีประมาณเท่านี้
การเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์
[184] แน่ะนายช่างผู้สร้างเรือน
บัดนี้ เราพบท่านแล้ว
ท่านจะสร้างเรือนอีกไม่ได้
กลอนเรือนคือกิเลสของท่าน เราหักสิ้นแล้ว
และช่อฟ้าคืออวิชชาแห่งเรือนที่ท่านสร้าง เราก็ทำลายแล้ว
จิตของเรา เราทำให้สิ้นสุด จะดับในภพนี้เอง

3. อุปวาณเถรคาถา
ภาษิตของพระอุปวาณเถระ
(พระอุปวาณเถระเมื่อจะบอกประโยชน์แก่พราหมณ์ จึงได้กล่าว 2 คาถาไว้
ดังนี้ว่า)
[185] ท่านพราหมณ์ พระสุคตเป็นพระอรหันต์ ในโลก
เป็นมุนี ถูกลมเบียดเบียนแล้ว
ถ้ามีน้ำร้อน ขอท่านจงถวายพระมุนีเถิด
[186] พระมุนีพระองค์นั้นเป็นผู้อันบุคคลผู้ควรบูชา บูชาแล้ว
ผู้ควรสักการะ สักการะแล้ว และผู้ควรนอบน้อม นอบน้อมแล้ว
เราปรารถนาจะนำน้ำร้อนไปถวายพระองค์

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :363 }