เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ [3. จูฬวรรค] 8. ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุ
[492] ข้าพเจ้านั้นมีสหายใจดี มีศรัทธา เป็นอุบาสกคนหนึ่ง
เขามีภิกษุที่คุ้นเคยกัน ซึ่งเป็นสาวกของพระสมณโคดม
เพราะเขาเอ็นดูข้าพเจ้าจึงห้ามอยู่บ่อย ๆ ว่า
[493] พ่อเอ๋ย อย่าได้ทำชั่วเลย
อย่าได้ดำเนินทางผิดเลย
ถ้าสหายปรารถนาความสุขเมื่อตายไป
จงงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ซึ่งเป็นการไม่สำรวมเสียเถิด
[494] ข้าพเจ้าฟังคำของเขาผู้หวังดี มีความเอ็นดูด้วยประโยชน์เกื้อกูล
แต่ไม่ได้ทำตามคำสั่งสอนของเขาทั้งสิ้น
เพราะเป็นคนไม่มีปัญญา ยินดีในบาปมาช้านาน
[495] เขามีปัญญากว้างขวางดุจแผ่นดิน
แนะนำข้าพเจ้าให้ตั้งอยู่ในความสำรวมด้วยความอนุเคราะห์อีกว่า
ถ้าท่านจะฆ่าสัตว์ในกลางวัน
ในเวลากลางคืนก็จงงดเว้นเสีย
[496] ข้าพเจ้านั้นจึงฆ่าสัตว์แต่เฉพาะกลางวัน
กลางคืนเป็นผู้สำรวมงดเว้น
เพราะฉะนั้น กลางคืนข้าพเจ้าจึงได้รับความสุข
กลางวันประสบทุกข์ ถูกสุนัขรุมกัดกิน คือ
[497] กลางคืนได้เสวยทิพยสมบัติด้วยผลแห่งกุศลกรรมนั้น
กลางวันฝูงสุนัขดุร้ายพากันวิ่งเข้ามากัดกินข้าพเจ้ารอบด้าน
[498] ชนเหล่าใดมีความเพียรเนือง ๆ
เอาธุระในพระศาสนาของพระสุคตอย่างมั่นคง
ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ชนเหล่านั้นแหละจะได้บรรลุอมตบท
ซึ่งปัจจัยอะไรปรุงแต่งไม่ได้อย่างแน่นอน
ทุติยมิคลุททกเปตวัตถุที่ 8 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :246 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ [3. จูฬวรรค] 9. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ
9. กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุ
เรื่องเปรตอดีตผู้พิพากษาโกง
(พระนารทเถระถามเปรตตนหนึ่งว่า)
[499] ตัวท่านทัดทรงดอกไม้ ใส่ชฎา สวมกำไลทอง
ลูบไล้ด้วยจุรณแก่นจันทน์
ท่านมีสีหน้าผ่องใส งดงาม ดุจแสงดวงอาทิตย์อ่อน ๆ
[500] ท่านมีเทพบุตรและเทพธิดา พวกละ 10,000 สวมกำไลทอง
นุ่งห่มผ้าขลิบด้วยทอง พวกละ 10,000 คอยบำรุงบำเรอ
[501] ท่านมีอานุภาพมาก มีรูปชวนให้เกิดขนลุกแก่ผู้พบเห็น
แต่ท่านจิกเนื้อหลังของตนเองกินเป็นอาหาร
[502] เมื่อก่อนท่านได้ทำกรรมชั่วทางกาย วาจา ใจอะไรไว้หรือ
เพราะผลกรรมอะไร ท่านจึงจิกเนื้อหลังของตนเองกินเป็นอาหาร
(เปรตนั้นตอบว่า)
[503] ข้าพเจ้าได้ประพฤติทุจริตด้วยการพูดส่อเสียด พูดเท็จ และ
ด้วยการอำพรางหลอกลวงเพื่อความฉิบหายแก่ตนเองในมนุษยโลก
[504] ในมนุษยโลกนั้น ข้าพเจ้าไปยังชุมชนแล้ว
เมื่อถึงเวลาที่จะพูดความจริง ละเหตุผลเสีย
ประพฤติคล้อยตามอธรรม
[505] ผู้ประพฤติทุจริตมีพูดส่อเสียดเป็นต้น ย่อมจิกเนื้อหลังตนเองกิน
เหมือนข้าพเจ้าจิกเนื้อหลังตนเองกินอยู่ในวันนี้
[506] ข้าแต่พระนารทะ ทุกข์ที่ข้าพเจ้าได้รับอยู่นี้ ท่านได้เห็นเองแล้ว
เหล่าชนผู้ฉลาด มีความอนุเคราะห์ พึงกล่าวสอนว่า
ท่านอย่าได้พูดส่อเสียด และอย่าได้พูดเท็จ
อย่าได้กินเนื้อหลังของตนเป็นอาหารเลย
กูฏวินิจฉยิกเปตวัตถุที่ 9 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :247 }