เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ [2. อุพพริวรรค] 13. อุพพรีเปตวัตถุ
[373] นี่เป็นพระเมรุมาศของท้าวเธอ
ซึ่งตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมต่าง ๆ
หญิงนี้เป็นพระมเหสีของท้าวเธอ
เมื่อไม่เห็นพระเจ้าพรหมทัตพระราชสวามี
ซึ่งเสด็จจากมนุษยโลกนี้ไปไกล
จึงทรงกรรแสงอยู่ว่า พรหมทัต ๆ
(ดาบสจึงทูลถามว่า)
[374] พระราชาผู้มีพระนามว่าพรหมทัต 86,000 พระองค์
ถูกเผาในป่าช้านี้
บรรดาพระเจ้าพรหมทัตเหล่านั้น
พระนางทรงกรรแสงถึงพระเจ้าพรหมทัตองค์ไหน
(พระนางอุพพรีตรัสตอบว่า)
[375] ท่านผู้เจริญ ดิฉันเศร้าโศกถึงพระราชา
ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าจูฬนี
เป็นใหญ่ในแคว้นปัญจาละ ซึ่งเป็นพระราชสวามี
ทรงประทานสิ่งของที่น่าปรารถนาทุกอย่าง
(ดาบสทูลถามว่า)
[376] พระราชาทุกพระองค์ทรงพระนามว่าพรหมทัตเหมือนกันทั้งหมด
เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าจูฬนี
ทรงเป็นใหญ่ในแคว้นปัญจาละ
[377] พระนางเป็นพระมเหสีของพระราชาเหล่านั้นทุกพระองค์โดยลำดับ
เหตุไรจึงละเว้นพระราชาองค์ก่อน ๆ เสีย
แล้วมาเศร้าโศกถึงพระราชาองค์สุดท้ายเล่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :226 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ [2. อุพพริวรรค] 13. อุพพรีเปตวัตถุ
(พระนางอุพพรีตรัสตอบว่า)
[378] ท่านผู้นิรทุกข์ ตลอดเวลาอันยาวนาน
ดิฉันเกิดเป็นสตรีเท่านั้น(ไม่เคยเกิดเป็นบุรุษบ้างหรือ)
ท่านพูดถึงแต่การที่ดิฉันเป็นสตรี
ในการเวียนว่ายตายเกิดเป็นอันมาก
(ดาบสทูลตอบว่า)
[379] บางคราวพระนางเกิดเป็นสตรี
บางคราวเกิดเป็นบุรุษ
บางคราวเกิดเป็นปศุสัตว์
ที่สุดแห่งอัตภาพทั้งหลายที่ผ่านมาที่เข้าถึงความเป็นหญิงเป็นต้นนั้น
ย่อมไม่ปรากฏอย่างนี้
(พระนางอุพพรีตรัสว่า)
[380] ท่านช่วยรดดิฉันผู้เร่าร้อนให้สงบ
ดับความกระวนกระวายทั้งหมด
เหมือนคนใช้น้ำราดดับไฟที่ติดเปรียง
[381] ผู้ที่ช่วยให้ดิฉันผู้กำลังเศร้าโศกถึงพระสวามีให้บรรเทาลงได้
ชื่อว่าได้ช่วยถอนลูกศรคือความโศกที่เสียบหทัยของดิฉันแล้วหนอ
[382] พระมหามุนี ดิฉันซึ่งท่านถอนลูกศรคือความโศกได้แล้ว
ก็เย็นสงบ ไม่เศร้าโศก ไม่กรรแสงอีก
เพราะได้ฟังคำของท่าน
[383] พระนางอุพพรีฟังคำสุภาษิตของดาบสผู้เป็นสมณะนั้นแล้ว
ถือบาตรจีวรออกบวชเป็นบรรพชิต
[384] ครั้นออกบวชแล้วเป็นผู้สงบ เจริญเมตตาจิต
เพื่อบังเกิดในพรหมโลก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :227 }