เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ [2. ปุริสวิมาน] 7. สุนิกขิตตวรรค 6. โคปาลวิมาน
[1165] อนึ่ง วันนี้ข้าพเจ้าต้องทำกิจสองอย่างควบคู่กันไป
ท่านขอรับ ครั้งนั้น ข้าพเจ้าได้คิดอย่างนั้นแหละ
แต่นั้นจึงกลับได้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
จึงวางห่อขนมถวายในมือพร้อมกับกราบเรียนว่า
ผมขอถวาย ขอรับ
[1166] ข้าพเจ้านั้นรีบรุดไปยังไร่ถั่วราชมาส
ก่อนที่ไร่ถั่วราชมาสซึ่งเป็นทรัพย์สินของเจ้าของไร่จะถูกฝูงโคทำลาย
ณ ที่นั้น งูเห่ามีพิษร้ายได้กัดเท้าข้าพเจ้าผู้กำลังรีบด่วน
[1167] ข้าพเจ้านั้นถูกความทุกข์เบียดเบียนบีบคั้น
และภิกษุได้แก้ห่อขนมนั้นออก
แล้วฉันขนมเพื่ออนุเคราะห์ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าตายเคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้วตายไปเกิดเป็นเทวดา
[1168] ข้าพเจ้ากระทำกุศลกรรมนั้นไว้เท่านี้
ตนเองจึงได้เสวยผลกรรมที่นำความสุขมาให้
เพราะพระคุณเจ้าอนุเคราะห์ไว้มากแล้ว
ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระคุณเจ้าด้วยความกตัญญู
[1169] ในมนุษยโลกพร้อมทั้งเทวโลกและมารโลก
ไม่มีมุนีท่านอื่นผู้อนุเคราะห์เช่นกับพระคุณเจ้า
เพราะพระคุณเจ้าอนุเคราะห์ไว้มากแล้ว
ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระคุณเจ้าด้วยความกตัญญู
[1170] อนึ่ง ไม่ว่าในโลกนี้หรือโลกหน้า
ไม่มีมุนีท่านอื่นผู้อนุเคราะห์เช่นกับพระคุณเจ้า
เพราะพระคุณเจ้าอนุเคราะห์ไว้มากแล้ว
ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระคุณเจ้าด้วยความกตัญญู
โคปาลวิมานที่ 6 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :146 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ [2. ปุริสวิมาน] 7. สุนิกขิตตวรรค 7. กัณฐกวิมาน
7. กัณฐกวิมาน
ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่ม้ากัณฐกะ
(พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรตนหนึ่งว่า)
[1171] ในคืนวันเพ็ญ ดวงจันทร์มีรอยรูปกระต่าย เป็นใหญ่กว่าหมู่ดาว
มีหมู่ดาวนักษัตรแวดล้อม โคจรไปโดยรอบฉันใด
[1172] ทิพยวิมานนี้ก็มีอุปมาฉันนั้น น่าอยู่
มีรัศมีรุ่งโรจน์ในเทพบุรี เหมือนพระอาทิตย์กำลังอุทัย
[1173] มีพื้นน่ารื่นรมย์ วิจิตรด้วยแก้วไพฑูรย์ ทองคำ แก้วผลึก
เงิน แก้วลาย แก้วมุกดา และทับทิม
[1174] ลาดด้วยแก้วไพฑูรย์ ปรางค์ปราสาททั้งหลายของท่าน
งามน่ารื่นรมย์ ปราสาทซึ่งเนรมิตไว้ดีแล้ว
[1175] สระโบกขรณีของท่านน่ารื่นรมย์
มีหมู่มัจฉาทิพย์อาศัยอยู่เนืองแน่น
น้ำใสสะอาด มีพื้นลาดด้วยทรายทองคำ
[1176] ดารดาษด้วยบัวหลวงหลากชนิด บัวขาวรายล้อมอยู่รอบ
ยามลมพัด ก็โชยกลิ่นหอมระรื่นจรุงใจ
[1177] ทั้งสองข้างสระโบกขรณีของท่านนั้น มีพุ่มไม้เนรมิตไว้ดีแล้ว
ซึ่งประกอบด้วยไม้ดอกและไม้ผลทั้งสองอย่าง
[1178] เทพอัปสรทั้งหลายพากันมาบำรุงท่านผู้นั่งบนบัลลังก์เท้าทองคำ
ที่ปูลาดด้วยผ้าขนสัตว์อันอ่อนนุ่ม ดังบำรุงท้าวสักกเทวราช
[1179] พวกนางแต่งองค์ด้วยเครื่องประดับทั้งมวล
ประดับด้วยพวงดอกไม้ต่าง ๆ บำเรอท่านผู้มีฤทธิ์มากให้รื่นรมย์
ท่านรื่นเริงบันเทิงใจ ดังท้าววสวัตดีเทวราช

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 26 หน้า :147 }