เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต [3. มหาวรรค] 7. เสลสูตร
เสลพราหมณ์เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
เมื่อเสลพราหมณ์ถามอย่างนี้แล้ว เกณิยชฎิลได้ยกแขนขวาขึ้นได้กล่าวกับ
เสลพราหมณ์ดังนี้ว่า “ท่านเสละ ท่านจงเดินไปทางบริเวณทิวไม้สีเขียวนั้นเถิด”
เมื่อได้ฟังดังนั้น เสลพราหมณ์พร้อมทั้งมาณพ 300 คน จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคถึงที่ประทับ พลางเรียกมาณพเหล่านั้นมาเตือนว่า “ท่านทั้งหลาย จงอย่า
ส่งเสียงดัง ค่อย ๆ เดินตามกันไปให้เป็นระเบียบ เพราะท่านผู้เจริญเหล่านั้นชอบอยู่
ตามลำพังดุจพญาราชสีห์ให้ยินดีได้ยาก อนึ่ง ขณะที่เรากำลังสนทนากับพระสมณ-
โคดม ขอพวกท่านอย่าพูดสอดแทรกขึ้น รอให้เราสนทนาจบเสียก่อน”
เมื่อตักเตือนศิษย์อย่างนี้แล้ว เสลพราหมณ์พาศิษย์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ได้สนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคพอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่
ระลึกถึงกัน แล้วจึงนั่ง ณ ที่สมควร พลางตรวจดูลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ
ในพระวรกายพระผู้มีพระภาค ก็ได้เห็นลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการในพระวรกาย
ของพระผู้มีพระภาคเป็นส่วนมาก เว้นอยู่เพียง 2 ประการ จึงยังเคลือบแคลง สงสัย
ไม่มั่นใจ ไม่ยอมรับ ในลักษณะมหาบุรุษอีก 2 ประการ คือ (1) พระคุยหฐานที่
เร้นอยู่ในฝัก (2) พระชิวหาที่ยาวยิ่ง
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงดำริว่า “เสลพราหมณ์นี้เห็นลักษณะมหาบุรุษ
32 ประการของเราเป็นส่วนมาก เว้นอยู่ 2 ประการ จึงยังเคลือบแคลง สงสัย
ไม่มั่นใจ ไม่ยอมรับในลักษณะมหาบุรุษอีก 2 ประการ คือ (1) พระคุยหฐานที่เร้นอยู่
ในฝัก (2) พระชิวหาที่ยาวยิ่ง”
ทันใดนั้น พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธาภิสังขารให้เสลพราหมณ์ได้เห็น
พระคุยหฐานที่เร้นอยู่ในฝัก และทรงแลบพระชิวหาสอดเข้าช่องพระกรรณทั้ง 2
สลับกันไปมา แล้วทรงย้ายกลับมาสอดเข้าช่องพระนาสิกทั้งสองสลับกัน แล้วจึง
ทรงแผ่พระชิวหาปิดบริเวณพระนลาฏทั้งหมด

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :634 }