เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ [3. ติกนิบาต] 4. จตุตถวรรค 3. เทวสัททสูตร
สมาธิของภิกษุใด ผู้มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท
ย่อมหวั่นไหวด้วยเหตุ 2 ประการ คือ
(1) ด้วยมีผู้สักการะ (2) ด้วยไม่มีผู้สักการะ
ภิกษุนั้นผู้เข้าฌาน มีความเพียรต่อเนื่อง
พิจารณาเห็นด้วยปัญญาที่สุขุม
ยินดีในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปาทาน1
นักปราชญ์ทั้งหลายเรียกว่า สัตบุรุษ2
แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
สักการสูตรที่ 2 จบ

3. เทวสัททสูตร
ว่าด้วยการเปล่งเสียงของเทวดา
[82] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์
กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
“ภิกษุทั้งหลาย เทวดาอาศัยโอกาส 3 โอกาส จึงเปล่งเสียงออกไปในหมู่เทวดา
โอกาส 3 โอกาส อะไรบ้าง คือ
1. โอกาสที่อริยสาวกปลงผม โกนหนวด นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ออก
จากเรือนบวชเป็นบรรพชิต เทวดาย่อมเปล่งเสียงออกไปในหมู่
เทวดาว่า ‘อริยสาวกนี้ตั้งใจจะทำสงครามกับกิเลสมาร’ นี้เป็นเสียง
ของเทวดาข้อที่ 1 ที่เปล่งออกไปเพราะอาศัยโอกาส

เชิงอรรถ :
1 ธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปาทาน หมายถึงอรหัตตผลอันเป็นที่สิ้นไปแห่งอุปาทาน 4 ประการ คือ
(1) กามุปาทาน (ความยึดมั่นในกาม) (2) ทิฏฐุปาทาน (ความยึดมั่นในทิฏฐิ) (3) สีลัพพตุปาทาน (ความ
ยึดมั่นในศีลและวัตร) (4) อัตตวาทุปาทาน (ความยึดมั่นในอัตตวาทะ) (ขุ.อิติ.อ. 81/286) และดู ที.ปา.
11/312/205 ประกอบ
2 ขุ.เถร. (แปล) 26/1010-1011/505

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :445 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ [3. ติกนิบาต] 4. จตุตถวรรค 3. เทวสัททสูตร
2. โอกาสที่อริยสาวกบำเพ็ญเพียรด้วยการเจริญโพธิปักขิยธรรม 7 หมวด
เทวดาย่อมเปล่งเสียงออกไปในหมู่เทวดาว่า ‘อริยสาวกนี้ กำลังผจญ
กับกิเลสมาร’ นี้เป็นเสียงของเทวดาข้อที่ 2 ที่เปล่งออกไปเพราะ
อาศัยโอกาส
3. โอกาสที่อริยสาวกทำให้แจ้งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ
เพราะอาสวะสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเอง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน เทวดา
ย่อมเปล่งเสียงออกไปในหมู่เทวดาว่า ‘อริยสาวกนี้ชนะสงครามแล้ว
เอาชนะได้ขาด จึงครอบครองตำแหน่งความเป็นใหญ่ในสงครามนั้น
นั่นแล’ นี้เป็นเสียงของเทวดาข้อที่ 3 ที่เปล่งออกไปเพราะอาศัย
โอกาส
ภิกษุทั้งหลาย เทวดาอาศัยโอกาส 3 โอกาสนี้แล จึงเปล่งเสียงออกไปในหมู่
เทวดา”
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส
คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
แม้เทวดาเห็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้ชนะสงครามกิเลส ทรงคุณธรรมยิ่งใหญ่
ปราศจากความสะทกสะท้าน
ย่อมนอบน้อมพร้อมกับกล่าวว่า
ท่านบุรุษอาชาไนย ขอนอบน้อมต่อท่าน
ผู้ครอบงำกิเลสที่ชนะได้ยาก
เอาชนะเสนาของมัจจุราชอันไม่มีใครกั้นไว้ได้ ด้วยวิโมกข์
เทวดาย่อมนอบน้อมท่านผู้มีจิตบรรลุอรหัตตผลแล้ว
ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้แล
เพราะท่านไม่ตกอยู่ในอำนาจแห่งมัจจุราช
เทวดาจึงนอบน้อมต่อท่าน
แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
เทวสัททสูตรที่ 3 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 25 หน้า :446 }