พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน [1. โพธิวรรค] รวมพระสูตรที่มีในวรรค
เมื่อใด พราหมณ์ชื่อว่าเป็นมุนี
เพราะมีโมนธรรม1รู้แจ้งด้วยตนเอง
เมื่อนั้น เขาย่อมหลุดพ้นจากรูปภพ2 อรูปภพ3 และจากสุขและทุกข์4
พาหิยสูตรที่ 10 จบ
(พระผู้มีพระภาคได้ตรัสอุทานแม้นี้ ตามที่ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้)
โพธิวรรคที่ 1 จบ
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
1. ปฐมโพธิสูตร 2. ทุติยโพธิสูตร
3. ตติยโพธิสูตร 4. นิหุหุงกสูตร
5. พราหมณสูตร 6. มหากัสสปสูตร
7. อชกลาปกสูตร 8. สังคามชิสูตร
9. ชฏิลสูตร 10. พาหิยสูตร
เชิงอรรถ :
1 โมนธรรม หมายถึงอริยสัจ 4 (ขุ.อุ.อ. 10/102)
2 รูปภพ หมายถึงปัญจโวการภพ (ภพที่มีขันธ์ 5) และเอกโวการภพ (ภพที่มีขันธ์ 1) (ขุ.อุ.อ. 10/103)
3 อรูปภพ หมายถึงจตุโวการภพ (ภพที่มีขันธ์ 4) (ขุ.อุ.อ. 10/103)
4 ขุ.อป. (แปล) 33/218-220/267
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน [2. มุจจลินทวรรค] 1. มุจจลินทสูตร
2. มุจจลินทวรรค
หมวดว่าด้วยพญานาคมุจลินท์
1. มุจจลินทสูตร
ว่าด้วยพญานาคมุจลินท์
[11] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาค เมื่อแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ ณ ควงต้นมุจลินท์1
ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เขตตำบลอุรุเวลา สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งโดย
บัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุขอยู่เป็นเวลา 7 วัน
สมัยนั้น ได้บังเกิดเมฆใหญ่ขึ้นในสมัยมิใช่ฤดูกาล เป็นฝนเจือลมหนาวตกพรำ
ตลอด 7 วัน ลำดับนั้น พญานาคมุจลินท์ได้ออกจากที่อยู่ของตน ไปโอบรอบ
พระวรกายของพระผู้มีพระภาคด้วยขนด 7 รอบ แผ่พังพานใหญ่ปกคลุมเหนือ
พระเศียรด้วยหวังว่า ความหนาว อย่าได้เบียดเบียนพระผู้มีพระภาค ความร้อน
อย่าได้เบียดเบียนพระผู้มีพระภาค สัมผัสจากเหลือบ ยุง ลม แดด สัตว์เลื้อยคลาน
อย่าได้เบียดเบียนพระผู้มีพระภาค
ครั้นล่วงไป 7 วัน พระผู้มีพระภาคทรงออกจากสมาธินั้น พญานาคมุจลินท์
รู้ว่าฝนหาย ปลอดเมฆแล้ว จึงคลายขนดออกจากพระวรกายของพระผู้มีพระภาค
จำแลงร่างของตนเป็นมาณพ ยืนประนมมือถวายอภิวาทอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์ของ
พระผู้มีพระภาค
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรงเปล่งอุทานนี้
ในเวลานั้นว่า
เชิงอรรถ :
1 มุจลินท์ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า นิจุละ คือ ต้นจิกนา(นีปะ) ตรงกับภาษาอังกฤษว่า The Tree Barringtonai
Acutangula ต้นมุจลินท์นี้เป็นเจ้าแห่งไม้ในป่า (ขุ.อุ.อ. 11/104)