เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต [2. ทุติยปัณณาสก์] 5. อุปาสกวรรค 1. กามโภคีสูตร
งานที่ผิด’ ควรติเตียนโดยสถานที่ 1 นี้ว่า ‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม
ด้วยการงานที่ผิด’ ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘บำรุงตนให้เป็นสุข’ ควร
ติเตียนโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘ไม่แจกจ่าย ไม่ทำบุญ’ คหบดี กามโภคีบุคคลนี้ควร
สรรเสริญโดย 2 สถานนี้ ควรติเตียนโดย 2 สถานนี้ (5)
กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์ทั้งโดยชอบธรรมและไม่ชอบธรรม ด้วย
การงานที่ผิดบ้าง ไม่ผิดบ้าง ครั้นแสวงหาได้แล้ว บำรุงตนให้เป็นสุข และแจกจ่าย
ทำบุญนี้ ควรสรรเสริญโดย 3 สถาน ควรติเตียนโดยสถานเดียว คือ ควรสรรเสริญ
โดยสถานที่ 1 นี้ว่า ‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด’ ควร
ติเตียนโดยสถานเดียวนี้ว่า ‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ด้วยการงานที่ผิด’
ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘บำรุงตนให้เป็นสุข’ ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 3
นี้ว่า ‘แจกจ่าย ทำบุญ’ คหบดี กามโภคีบุคคลผู้บริโภคกามคุณนี้ ควรสรรเสริญ
โดย 3 สถานนี้ ควรติเตียนโดยสถานเดียวนี้ (6)
กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด ครั้น
แสวงหาได้แล้ว ไม่บำรุงตนให้เป็นสุข และไม่แจกจ่าย ไม่ทำบุญนี้ ควรสรรเสริญ
โดยสถานเดียว ควรติเตียนโดย 2 สถาน คือ ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวนี้ว่า
‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด’ ควรติเตียนโดยสถาน
ที่ 1 นี้ว่า ‘ไม่บำรุงตนให้เป็นสุข’ ควรติเตียนโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘ไม่แจกจ่าย
ไม่ทำบุญ’ คหบดี กามโภคีบุคคลนี้ ควรสรรเสริญโดยสถานเดียวนี้ ควรติเตียน
โดย 2 สถานนี้ (7)
กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด ครั้น
แสวงหาได้แล้ว บำรุงตนให้เป็นสุข แต่ไม่แจกจ่าย ไม่ทำบุญนี้ ควรสรรเสริญ
โดย 2 สถาน ควรติเตียนโดยสถานเดียว คือ ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 1 นี้ว่า
‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด’ ควรสรรเสริญโดยสถาน
ที่ 2 นี้ว่า ‘บำรุงตนให้เป็นสุข’ ควรติเตียนโดยสถานเดียวนี้ว่า ‘ไม่แจกจ่าย
ไม่ทำบุญ’ คหบดี กามโภคีบุคคลนี้ ควรสรรเสริญโดย 2 สถานนี้ ควรติเตียน
โดยสถานเดียวนี้ (8)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 24 หน้า :210 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต [2. ทุติยปัณณาสก์] 5. อุปาสกวรรค 1. กามโภคีสูตร
กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด ครั้น
แสวงหาได้แล้ว บำรุงตนให้เป็นสุข และแจกจ่าย ทำบุญ ทั้งเป็นผู้มัวเมา
หมกมุ่น จดจ่อ ไม่เห็นโทษ ไม่มีปัญญาเป็นเครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่า
นั้นนี้ ควรสรรเสริญโดย 3 สถาน ควรติเตียนโดยสถานเดียว คือ ควรสรรเสริญโดย
สถานที่ 1 นี้ว่า ‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด’ ควร
สรรเสริญโดยสถานที่ 2 นี้ว่า ‘บำรุงตนให้เป็นสุข’ ควรสรรเสริญโดยสถาน
ที่ 3 นี้ว่า ‘แจกจ่าย ทำบุญ’ ควรติเตียนโดยสถานเดียวนี้ว่า ‘เป็นผู้มัวเมา
หมกมุ่น จดจ่อ ไม่เห็นโทษ ไม่มีปัญญาเป็นเครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์
เหล่านั้น’ คหบดี กามโภคีบุคคลนี้ ควรสรรเสริญโดย 3 สถานนี้ ควรติเตียนโดย
สถานเดียวนี้ (9)
กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด ครั้น
แสวงหาได้แล้ว บำรุงตนให้เป็นสุข และแจกจ่าย ทำบุญ ทั้งเป็นผู้ไม่มัวเมา
ไม่หมกมุ่น ไม่จดจ่อ เห็นโทษ มีปัญญาเป็นเครี่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์
เหล่านั้นนี้ ควรสรรเสริญโดย 4 สถาน คือ ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 1 นี้ว่า
‘แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด’ ควรสรรเสริญโดย
สถานที่ 2 นี้ว่า ‘บำรุงตนให้เป็นสุข’ ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 3 นี้ว่า
‘แจกจ่าย ทำบุญ’ ควรสรรเสริญโดยสถานที่ 4 นี้ว่า ‘ไม่มัวเมา ไม่หมกมุ่น
ไม่จดจ่อ เห็นโทษ มีปัญญาเป็นเครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้น’ คหบดี
กามโภคีบุคคลนี้ ควรสรรเสริญโดย 4 สถานนี้ (10)
คหบดี กามโภคีบุคคล 10 จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก
บรรดากามโภคีบุคคล 10 จำพวกนี้ กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดย
ชอบธรรม ด้วยการงานที่ไม่ผิด ครั้นแสวงหาได้แล้ว บำรุงตนให้เป็นสุข และ
แจกจ่าย ทำบุญ ทั้งเป็นผู้ไม่มัวเมา ไม่หมกมุ่น ไม่จดจ่อ เห็นโทษ มีปัญญาเป็น
เครื่องสลัดออก ใช้สอยโภคทรัพย์เหล่านั้นนี้ เป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เป็นหัวหน้า
สูงส่ง ล้ำเลิศ เปรียบเหมือนนมสดที่เกิดจากแม่โค นมส้มเกิดจากนมสด เนยข้นเกิด
จากนมส้ม เนยใสเกิดจากเนยข้น หัวเนยใสเกิดจากเนยใส ชาวโลกเรียกว่า เลิศกว่า
นมส้มเป็นต้น เหล่านั้น ฉันใด บรรดากามโภคีบุคคล 10 จำพวกนี้ กามโภคีบุคคลที่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 24 หน้า :211 }