เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 3.วัชชิสัตตกวรรค 9.ทุติยปริหานิสูตร
ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุผู้
เป็นเสขะ
ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุผู้
เป็นเสขะ
ธรรม 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้ไม่ชอบการงาน
2. ความเป็นผู้ไม่ชอบการพูดคุย
3. ความเป็นผู้ไม่ชอบการนอนหลับ
4. ความเป็นผู้ไม่ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่
5. ความเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย
6. ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภค
7. กิจที่สงฆ์จะต้องทำมีอยู่ในสงฆ์ ภิกษุผู้เป็นเสขะเห็นประจักษ์ในกิจ
นั้นอย่างนี้ว่า ‘พระเถระผู้เป็นรัตตัญญู บวชมานาน เป็นผู้รับภาระมีอยู่ในสงฆ์ ท่าน
เหล่านั้นจักปรากฏด้วยกิจนั้น’ จึงไม่ต้องขวนขวายด้วยตนเอง
ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุผู้
เป็นเสขะ
ปฐมปริหานิสูตรที่ 8 จบ

9. ทุติยปริหานิสูตร
ว่าด้วยธรรมที่เป็นเหตุแห่งความเสื่อม สูตรที่ 2
[29] ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่อุบาสก
ธรรม 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ละเลยการเยี่ยมเยียนภิกษุ
2. ทอดทิ้งการฟังสัทธรรม

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 23 หน้า :44 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 3.วัชชิสัตตกวรรค 9.ทุติยปริหานิสูตร
3. ไม่ศึกษาในอธิศีล1
4. ไม่มีความเลื่อมใสมากในภิกษุผู้เป็นเถระ ผู้เป็นนวกะ และผู้เป็นมัชฌิมะ2
5. ฟังธรรมอย่างคอยคิดโต้แย้งเพ่งโทษ
6. แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้
7. ทำอุปการะนอกศาสนาก่อน3
ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่อุบาสก
ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่อุบาสก
ธรรม 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ไม่ละเลยการเยี่ยมเยียนภิกษุ
2. ไม่ทอดทิ้งการฟังสัทธรรม
3. ศึกษาในอธิศีล
4. มีความเลื่อมใสมากในภิกษุผู้เป็นเถระ ผู้เป็นนวกะ และผู้เป็นมัชฌิมะ
5. ฟังธรรมอย่างไม่คอยคิดโต้แย้งเพ่งโทษ
6. ไม่แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้
7. ทำอุปการะในศาสนานี้ก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ธรรม 7 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่อุบาสก
พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดาได้ตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถา
ประพันธ์ต่อไปอีกว่า
อุบาสกใดละเลยการเยี่ยมเยียนภิกษุผู้อบรมตน
ทอดทิ้งการฟังอริยธรรม ไม่ศึกษาในอธิศีล

เชิงอรรถ :
1 อธิศีล ในที่นี้หมายถึงศีล 5 และศีล 10 (องฺ.สตฺตก.อ. 3/29/178)
2 ผู้เป็นเถระ หมายถึงพระผู้มีระดับอายุ คุณธรรม ความรู้ที่นับว่าเป็นพระผู้ใหญ่คือมีพรรษาตั้งแต่ 10 ขึ้น
ไปและทรงจำพระปาติโมกข์ได้
ผู้เป็นนวกะ หมายถึงพระใหม่มีระดับอายุ คุณธรรม ความรู้ที่นับว่ายังใหม่มีพรรษาต่ำกว่า 5 ที่ยังต้อง
ถือนิสสัย
ผู้เป็นมัชฌิมะ หมายถึงพระระดับกลางมีพรรษาตั้งแต่ครบ 5 แต่ยังไม่ถึง 10 (เทียบ วิ.อ. 1/45/253)
3 ทำอุปการะนอกศาสนาก่อน หมายถึงให้เครื่องไทยธรรมแก่เดียรถีย์ก่อนแล้วจึงถวายแก่ภิกษุในภายหลัง
(องฺ.สตฺตก.อ. 3/29/178) และดู องฺ.ปญฺจก. (แปล) 22/175/292

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 23 หน้า :45 }