พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต [1.ปฐมปัณณาสก์] 2.มหาวรรค 4.อัสสขฬุงกสูตร
ด้วยประตักเตือนอยู่ ก็ไม่คำนึงถึงนายสารถี ไม่คำนึงถึงประตัก
กัดบังเหียน หลีกไปตามประสงค์ ฉะนั้น คนกระจอกบางคนใน
ธรรมวินัยนี้เป็นอย่างนี้ก็มี นี้เป็นโทษของคนกระจอกประการที่ 6
7. ภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุรูปที่ถูกพวกภิกษุโจทด้วย
อาบัตินั้น กล่าวอย่างนี้ว่า ผมไม่ได้ต้องอาบัติเลย ผมไม่ได้ต้อง
อาบัติเลย เธอใช้ความนิ่งทำให้สงฆ์ลำบาก เรากล่าวเปรียบบุคคล
ประเภทนี้ว่าเหมือนม้ากระจอกที่นายสารถีสั่งว่า เดินไป ถูกแทง
ด้วยประตักเตือนอยู่ ก็ไม่ก้าวไป ไม่ถอยกลับ ยืนทื่ออยู่เหมือน
เสาเขื่อน ณ ที่ตรงนั้นนั่นเอง ฉะนั้น คนกระจอกบางคนในธรรม
วินัยนี้เป็นอย่างนี้ก็มี นี้เป็นโทษของคนกระจอกประการที่ 7
8. ภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุรูปที่ถูกพวกภิกษุโจทด้วย
อาบัตินั้น กล่าวอย่างนี้ว่า ทำไมหนอ ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
จึงพยายามกล่าวหาผมนัก เอาละ ผมจักบอกคืนสิกขากลับมาเป็น
คฤหัสถ์ เธอบอกคืนสิกขากลับมาเป็นคฤหัสถ์แล้วจึงกล่าวอย่างนี้ว่า
บัดนี้ ขอท่านผู้มีอายุทั้งหลายโปรดเบาใจเถิด เรากล่าวเปรียบ
บุคคลประเภทนี้ว่าเหมือนม้ากระจอกที่นายสารถีสั่งว่า เดินไป
ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ คุกเท้าหน้าและเท้าหลังลงหมอบทับเท้า
ทั้ง 4 อยู่ที่ตรงนั้นนั่นเอง ฉะนั้น คนกระจอกบางคนในธรรมวินัยนี้
เป็นอย่างนี้ก็มี นี้เป็นโทษของคนกระจอกประการที่ 8
ภิกษุทั้งหลาย คนกระจอก 8 จำพวก และโทษของคนกระจอก 8 ประการนี้แล
อัสสขฬุงกสูตรที่ 4 จบ