เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 6.อัพยากตวรรค 10.ภริยาสูตร
มีฤทธิ์ มียศ เป็นใหญ่แห่งชนชาวชมพูทวีป
ใครเล่า ได้ฟังแล้วจะไม่เลื่อมใส แม้ชนชั้นกัณหาภิชาติ1
เพราะฉะนั้นแล ผู้มุ่งประโยชน์ มุ่งความเป็นใหญ่
เมื่อระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
พึงเคารพสัทธรรมเถิด
เมตตสูตรที่ 9 จบ

10. ภริยาสูตร
ว่าด้วยภรรยา
[63] ครั้งนั้นแล ในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกถือบาตร
และจีวร เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของอนาถบิณฑิกคหบดี แล้วประทับนั่งบนพุทธอาสน์
ที่ปูลาดไว้แล้ว สมัยนั้นแล ในนิเวศน์ของอนาถบิณฑิกคหบดี มีเหล่ามนุษย์ส่งเสียง
ดังอื้ออึง อนาถบิณฑิกคหบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาท
แล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามอนาถบิณฑิกคหบดีดังนี้ว่า
“คหบดี เหตุไรหนอ เหล่ามนุษย์ในนิเวศน์ของท่านจึงส่งเสียงดังอื้ออึง เหมือน
ชาวประมงแย่งปลากัน”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางสุชาดานี้ ข้าพระองค์พามาจากตระกูลมั่งคั่ง เป็น
สะใภ้ในเรือน นางไม่เชื่อฟังแม่ผัว ไม่เชื่อฟังพ่อผัว ไม่เชื่อฟังสามี แม้แต่พระผู้มี
พระภาค นางก็ไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา”
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกนางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนมา
ตรัสว่า “มานี่ สุชาดา” นางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มี
พระภาคจึงได้ตรัสกับนางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนดังนี้ว่า

เชิงอรรถ :
1 กัณหาภิชาติ หมายถึงบุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ 5 ตระกูล คือ (1) ตระกูลจัณฑาล (2) ตระกูลช่างสาน
(3) ตระกูลนายพราน (4) ตระกูลช่างรถ (5) ตระกูลคนขนขยะซึ่งเป็นตระกูลที่ยากจน (องฺ.ฉกฺก. (แปล)
22/57/543-545)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 23 หน้า :122 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 6.อัพยากตวรรค 10.ภริยาสูตร
สุชาดา ภรรยา 7 จำพวกนี้
ภรรยา 7 จำพวกไหนบ้าง คือ

1. ภรรยาดุจเพชฌฆาต 2. ภรรยาดุจนางโจร
3. ภรรยาดุจนายหญิง 4. ภรรยาดุจมารดา
5. ภรรยาดุจพี่สาวน้องสาว 6. ภรรยาดุจเพื่อน
7. ภรรยาดุจทาสี

สุชาดา ภรรยา 7 จำพวกนี้แล
บรรดาภรรยา 7 จำพวกนั้น เธอเป็นภรรยาจำพวกไหน
นางสุชาดากราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมาย
แห่งพระภาษิตที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้โดยย่อนี้อย่างพิสดาร ขอประทานวโรกาส
ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงธรรมแก่หม่อมฉัน โดยวิธีที่หม่อมฉันจะเข้าใจ
ความหมายแห่งพระภาษิตที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้โดยย่อนี้ได้อย่างพิสดาร”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สุชาดา ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว”
นางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้
ตรัสดังนี้ว่า
ภรรยาใดคิดประทุษร้าย ไม่เกื้อกูลอนุเคราะห์
ยินดีต่อชายเหล่าอื่น ดูหมิ่นสามี
เป็นหญิงที่เขาซื้อมาด้วยทรัพย์ พยายามฆ่าสามี
ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจเพชฌฆาต
ภรรยาใดมุ่งจะยักยอกทรัพย์แม้มีจำนวนน้อย
ที่สามีประกอบศิลปกรรม พาณิชยกรรม และกสิกรรมได้มา
ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจนางโจร
ภรรยาใดไม่สนใจการงาน เกียจคร้าน กินจุ
หยาบคาย ดุร้าย มักพูดคำชั่วหยาบ
ข่มขี่สามีผู้ขยันหมั่นเพียร
ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจนายหญิง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 23 หน้า :123 }