เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 5. ธัมมิกวรรค 12. ธัมมิกสูตร
แต่พวกภิกษุอาคันตุกะก็หลีกไป ไม่อยู่ ละทิ้งอาวาส อะไรหนอเป็นเหตุปัจจัยให้พวก
ภิกษุอาคันตุกะหลีกไป ไม่อยู่ ละทิ้งอาวาส”
พวกอุบาสกและอุบาสิกาชาวชาติภูมิชนบทคิดกันว่า “ท่านพระธัมมิกะนี้เอง
ด่า บริภาษ เบียดเบียน ทิ่มแทง เสียดสีพวกภิกษุอาคันตุกะด้วยวาจา และภิกษุ
อาคันตุกะเหล่านั้นเมื่อถูกท่านพระธัมมิกะด่า บริภาษ เบียดเบียน ทิ่มแทง เสียดสี
ด้วยวาจา จึงหลีกไป ไม่อยู่ ละทิ้งอาวาส ทางที่ดี พวกเราพึงช่วยกันขับไล่ท่าน
พระธัมมิกะให้หนีไป” จึงเข้าไปหาท่านพระธัมมิกะถึงที่อยู่ แล้วได้กล่าวกับท่านพระ
ธัมมิกะดังนี้ว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านพระธัมมิกะจงหลีกไปจากอาวาสนี้ ท่าน
ไม่ควรอยู่ในอาวาสนี้”
ภายหลังต่อมา ท่านพระธัมมิกะได้จากอาวาสแม้นั้นไปสู่อาวาสอื่น ทราบว่า
แม้ที่อาวาสนั้น ท่านพระธัมมิกะก็ด่า บริภาษ เบียดเบียน ทิ่มแทง เสียดสีพวกภิกษุ
อาคันตุกะด้วยวาจา และภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้น เมื่อถูกท่านพระธัมมิกะด่า บริภาษ
เบียดเบียน ทิ่มแทง เสียดสีด้วยวาจา ก็หลีกไป ไม่อยู่ ละทิ้งอาวาส
ครั้งนั้น พวกอุบาสกและอุบาสิกาชาวชาติภูมิชนบทมีความคิดดังนี้ว่า “พวกเรา
ได้บำรุงภิกษุสงฆ์ด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชชบริขาร
แต่พวกภิกษุอาคันตุกะหลีกไป ไม่อยู่ ละทิ้งอาวาส อะไรหนอเป็นเหตุปัจจัยให้พวก
ภิกษุอาคันตุกะหลีกไป ไม่อยู่ ละทิ้งอาวาส”
ต่อมา พวกอุบาสกและอุบาสิกาชาวชาติภูมิชนบทคิดกันว่า “ฯลฯ ทางที่ดี
พวกเราพึงช่วยกันขับไล่ท่านพระธัมมิกะให้หลีกไปจากอาวาสทั้ง 7 แห่ง ในชาติภูมิ
ชนบททั้งหมด” จึงเข้าไปหาพระธัมมิกะถึงที่อยู่แล้วได้กล่าวกับท่านพระธัมมิกะดังนี้
ว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ขอท่านพระธัมมิกะจงหลีกไปจากอาวาสทั้ง 7 แห่ง ในชาติ-
ภูมิทั้งหมด”
ครั้งนั้น ท่านพระธัมมิกะได้มีความคิดดังนี้ว่า “เราถูกพวกอุบาสกและอุบาสิกา
ชาวชาติภูมิชนบทขับไล่ออกจากอาวาสทั้ง 7 แห่งในชาติภูมิชนบททั้งหมด บัดนี้เรา
จักไปที่ไหนหนอ” ครั้งนั้น ท่านพระธัมมิกะได้มีความคิดว่า “ทางที่ดี เราควรจะ
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :526 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 5. ธัมมิกวรรค 12. ธัมมิกสูตร
ลำดับนั้น ท่านพระธัมมิกะถือบาตรและจีวรหลีกไปทางกรุงราชคฤห์ ไปถึงกรุง
ราชคฤห์และภูเขาคิชฌกูฏโดยลำดับ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย
อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า “พราหมณ์ธัมมิกะ
เชิญเถิด ท่านมาจากไหนหรือ”
ท่านพระธัมมิกะกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ถูกพวกอุบาสก
และอุบาสิกาชาวชาติภูมิชนบทขับไล่ออกจากอาวาสทั้ง 7 แห่ง ในชาติภูมิชนบท
ทั้งหมด”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ธัมมิกะ จะมีประโยชน์อะไรแก่เธอด้วยการ
อยู่ในชาติภูมิชนบทนี้ ควรแล้วที่เธอถูกขับไล่ให้ออกจากอาวาสนั้น ๆ แล้วมาใน
สำนักของเรา เรื่องเคยมีมาแล้ว พวกพ่อค้าทางทะเล จับนกที่ค้นหาฝั่งแล้ว ออกเรือ
เดินทางไปยังสมุทร เมื่อเดินเรือไปไม่เห็นฝั่ง พวกเขาก็ปล่อยนกค้นหาฝั่ง มันบินไป
ทางทิศตะวันออก บินไปทางทิศตะวันตก บินไปทางทิศเหนือ บินไปทางทิศใต้
บินขึ้นสูง บินไปทางทิศเฉียง ถ้ามันเห็นฝั่งอยู่ใกล้ ก็บินเข้าไปหาฝั่งทีเดียว แต่ถ้า
มันไม่เห็นฝั่งอยู่ใกล้ มันก็จะกลับมายังเรือนั้น ฉันใด พราหมณ์ธัมมิกะ เธอถูกขับไล่
ให้ออกจากอาวาสนั้น ๆ แล้วมายังสำนักของเราก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เรื่องเคยมีมาแล้ว ต้นไทรใหญ่ชื่อสุปติฏฐะของพระเจ้าโกรัพยะมี 5 กิ่ง มีร่ม
เงาเย็น น่ารื่นรมย์ใจ ก็ต้นไทรใหญ่ชื่อสุปติฏฐะ มีกิ่งก้านแผ่ไปถึง 12 โยชน์ มีราก
แผ่ไปได้ 5 โยชน์ มีผลใหญ่เหมือนกระทะหุงข้าวสารได้อาฬหกะหนึ่ง มีผลอร่อย
เหมือนรวงผึ้งเล็ก ซึ่งไม่มีโทษ พระราชาเสวยผลไทรใหญ่ชื่อสุปติฏฐะกิ่งหนึ่งพร้อม
กับนางสนม หมู่ทหารบริโภคกิ่งหนึ่ง ชาวนิคมและชาวชนบทบริโภคกิ่งหนึ่ง สมณ-
พราหมณ์บริโภคกิ่งหนึ่ง เนื้อและนกกินกิ่งหนึ่ง ไม่มีใครหวงแหนผลของต้นไทรใหญ่
ชื่อสุปติฏฐะไว้ และไม่มีใคร ๆ แย่งชิงผลของกันและกัน ต่อมาบุรุษคนหนึ่งบริโภคผล
ของต้นไทรใหญ่ชื่อสุปติฏฐะพอแก่ความต้องการแล้วหักกิ่งหลีกไป
ครั้งนั้น เทวดาผู้สิงสถิตอยู่ที่ต้นไทรใหญ่ชื่อสุปติฏฐะมีความคิดดังนี้ว่า “ท่าน
ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์จริง ไม่เคยปรากฏหนอ คนชั่วนี้บริโภคผลของต้นไทรใหญ่ชื่อ
สุปติฏฐะจนพอแก่ความต้องการแล้วหักกิ่งหลีกไป ทำอย่างไร ต้นไทรใหญ่ชื่อสุปติฏฐะ
จะไม่พึงออกผลต่อไป” หลังจากนั้น ต้นไทรใหญ่ชื่อสุปติฏฐะไม่ได้ออกผลอีกต่อไป


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :527 }