เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 5. ธัมมิกวรรค 6. ทุติยสันทิฏฐิกสูตร
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สีวกะ การที่ท่านรู้ชัดธรรมที่ประกอบด้วยโมหะที่มี
อยู่ภายในว่า ‘ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดธรรมที่ประกอบด้วย
โมหะที่ไม่มีอยู่ภายในว่า ‘ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะไม่มีอยู่ภายในเรา’ อย่างนี้แล
คือธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู
ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน”
สีวกปริพาชกกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระผู้มีพระภาค
ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ฯลฯ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้
ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”
ปฐมสันทิฏฐิกสูตรที่ 5 จบ
6. ทุติยสันทิฏฐิกสูตร
ว่าด้วยธรรมที่ผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง สูตรที่ 2
[48] ครั้งนั้น พราหมณ์คนหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ได้สนทนาปราศัย พอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่สมควร
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่ท่านพระโคดม พระองค์ตรัสว่า ‘ธรรมอันผู้ปฏิบัตพึงเห็นชัดด้วยตนเอง
ธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง’ ข้าแต่ท่านพระโคดม ธรรมอันผู้ปฏิบัติพึง
เห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน
อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ย่อมมีด้วยเหตุเพียงไรหนอ”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ ถ้าอย่างนั้น เราจักย้อนถามท่านในเรื่องนี้
ท่านพึงพยากรณ์เรื่องนั้นตามสมควรแก่ท่าน พราหมณ์ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร
ท่านรู้ชัดราคะที่มีอยู่ภายในว่า ‘ราคะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดราคะที่ไม่มีอยู่ภายในว่า
‘ราคะไม่มีอยู่ภายในเรา’ หรือไม่”
พราหมณ์กราบทูลว่า “รู้ชัด พระพุทธเจ้าข้า”
“พราหมณ์ การที่ท่านรู้ชัดราคะที่มีอยู่ภายในว่า ‘ราคะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัด
ราคะที่ไม่มีอยู่ภายในว่า ‘ราคะไม่มีอยู่ภายในเรา’ อย่างนี้แลคือ ธรรมอันผู้ปฏิบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :515 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 5. ธัมมิกวรรค 7. เขมสูตร
พึงเห็นชัดด้วยตนเอง ฯลฯ พราหมณ์ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร ท่านรู้ชัดโทสะที่มี
อยู่ภายใน ฯลฯ โมหะที่มีอยู่ภายใน ฯลฯ เหตุเครื่องประทุษร้ายทางกายที่มีอยู่
ภายใน ฯลฯ เหตุเครื่องประทุษร้ายทางวาจาที่มีอยู่ภายใน ฯลฯ รู้ชัดเหตุเครื่อง
ประทุษร้ายทางใจที่มีอยู่ภายในว่า ‘เหตุเครื่องประทุษร้ายทางใจมีอยู่ภายในเรา’
รู้ชัดเหตุเครื่องประทุษร้ายทางใจที่ไม่มีอยู่ภายในว่า ‘เหตุเครื่องประทุษร้ายทางใจ
ไม่มีอยู่ภายในเรา’ หรือไม่”
พราหมณ์กราบทูลว่า “รู้ชัด พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ การที่ท่านรู้ชัดเหตุเครื่องประทุษร้าย
ทางใจที่มีอยู่ภายในว่า ‘เหตุเครื่องประทุษร้ายทางใจมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดเหตุเครื่อง
ประทุษร้ายทางใจที่ไม่มีอยู่ภายในว่า ‘เหตุเครื่องประทุษร้ายทางใจไม่มีอยู่ภายในเรา’
อย่างนี้แลคือ ธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียก
ให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน”
พราหมณ์กราบทูลว่า “ข้าแต่ท่านพระโคดม ภาษิตของท่านพระโคดมชัดเจน
ไพเราะยิ่งนัก ฯลฯ ขอท่านพระโคดมจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”
ทุติยสันทิฏฐิกสูตรที่ 6 จบ
7. เขมสูตร
ว่าด้วยพระเขมะ
[49] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้นแล ท่านพระเขมะและท่านพระสุมนะ
อยู่ที่ป่าอันธวัน เขตกรุงสาวัตถี ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย
อภิวาทแล้วนั่งลง ณ ที่สมควร ท่านพระเขมะได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :516 }