เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 5. ธัมมิกวรรค 5. ปฐมสันทิฏฐิกสูตร
5. ปฐมสันทิฏฐิกสูตร
ว่าด้วยธรรมที่ผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง สูตรที่ 1
[47] ครั้งนั้น โมฬิยสีวกปริพาชกเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ได้สนทนาปราศัย พอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่สมควร
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ‘ธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วย
ตนเอง ธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง’ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมอันผู้
ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล1ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา
ในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ย่อมมีด้วยเหตุเพียงไรหนอ”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สีวกะ ถ้าอย่างนั้น เราจักย้อนถามท่านในเรื่องนี้
ท่านพึงพยากรณ์เรื่องนั้นตามสมควรแก่ท่าน สีวกะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร
ท่านรู้ชัดโลภะที่มีอยู่ภายในว่า ‘โลภะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดโลภะที่ไม่มีอยู่ภายในว่า
‘โลภะไม่มีอยู่ภายในเรา’ หรือไม่”
สีวกปริพาชกกราบทูลว่า “รู้ชัด พระพุทธเจ้าข้า”
“สีวกะ การที่ท่านรู้ชัดโลภะที่มีอยู่ภายในว่า ‘โลภะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดโลภะที่
ไม่มีอยู่ภายในว่า ‘โลภะไม่มีอยู่ภายในเรา’ อย่างนี้แลคือธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัด
ด้วยตนเอง ฯลฯ
สีวกะ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร ท่านรู้ชัดโทสะที่มีอยู่ภายใน ฯลฯ โมหะ
ที่มีอยู่ภายใน ฯลฯ ธรรมที่ประกอบด้วยโลภะที่มีอยู่ภายใน ฯลฯ ธรรมที่ประกอบ
ด้วยโทสะที่มีอยู่ภายใน ฯลฯ รู้ชัดธรรมที่ประกอบด้วยโมหะที่มีอยู่ในภายในว่า
‘ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะที่มีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดธรรมที่ประกอบด้วยโมหะที่ไม่มีอยู่
ภายในว่า ‘ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะไม่มีอยู่ภายในเรา’ หรือไม่”
สีวกปริพาชกกราบทูลว่า “รู้ชัด พระพุทธเจ้าข้า”

เชิงอรรถ :
1 ดูเชิงอรรถที่ 1 ฉักกนิบาต ข้อ 10 หน้า 422 ในเล่มนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :514 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 5. ธัมมิกวรรค 6. ทุติยสันทิฏฐิกสูตร
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สีวกะ การที่ท่านรู้ชัดธรรมที่ประกอบด้วยโมหะที่มี
อยู่ภายในว่า ‘ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดธรรมที่ประกอบด้วย
โมหะที่ไม่มีอยู่ภายในว่า ‘ธรรมที่ประกอบด้วยโมหะไม่มีอยู่ภายในเรา’ อย่างนี้แล
คือธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู
ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน”
สีวกปริพาชกกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระผู้มีพระภาค
ชัดเจนไพเราะยิ่งนัก ฯลฯ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้
ถึงสรณะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”
ปฐมสันทิฏฐิกสูตรที่ 5 จบ
6. ทุติยสันทิฏฐิกสูตร
ว่าด้วยธรรมที่ผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง สูตรที่ 2
[48] ครั้งนั้น พราหมณ์คนหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ได้สนทนาปราศัย พอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่สมควร
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่ท่านพระโคดม พระองค์ตรัสว่า ‘ธรรมอันผู้ปฏิบัตพึงเห็นชัดด้วยตนเอง
ธรรมอันผู้ปฏิบัติพึงเห็นชัดด้วยตนเอง’ ข้าแต่ท่านพระโคดม ธรรมอันผู้ปฏิบัติพึง
เห็นชัดด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน
อันวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน ย่อมมีด้วยเหตุเพียงไรหนอ”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ ถ้าอย่างนั้น เราจักย้อนถามท่านในเรื่องนี้
ท่านพึงพยากรณ์เรื่องนั้นตามสมควรแก่ท่าน พราหมณ์ ท่านเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร
ท่านรู้ชัดราคะที่มีอยู่ภายในว่า ‘ราคะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัดราคะที่ไม่มีอยู่ภายในว่า
‘ราคะไม่มีอยู่ภายในเรา’ หรือไม่”
พราหมณ์กราบทูลว่า “รู้ชัด พระพุทธเจ้าข้า”
“พราหมณ์ การที่ท่านรู้ชัดราคะที่มีอยู่ภายในว่า ‘ราคะมีอยู่ภายในเรา’ รู้ชัด
ราคะที่ไม่มีอยู่ภายในว่า ‘ราคะไม่มีอยู่ภายในเรา’ อย่างนี้แลคือ ธรรมอันผู้ปฏิบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :515 }