เมนู

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 3. อนุตตริยวรรค 1. สามกสูตร
ครั้นคืนนั้นผ่านไป พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า “ภิกษุ
ทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อราตรีผ่านไป เทวดาตนหนึ่งมีวรรรณะงดงามยิ่งนัก เปล่ง
รัศมีให้สว่างทั่วโปกขรณีย์วิหาร เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้แล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร
ได้กล่าวกับเราดังนี้ว่า
‘ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 3 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ
ธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้ชอบการงาน
2. ความเป็นผู้ชอบการพูดคุย
3. ความเป็นผู้ชอบการนอนหลับ
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 3 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมแก่ภิกษุ’
เทวดานั้นครั้นได้กล่าวดังนี้แล้ว จึงไหว้เราทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้นแล
ภิกษุทั้งหลาย ไม่ใช่ลาภของเธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายได้ชั่วแล้วหนอ ที่เธอทั้งหลาย
เสื่อมจากกุศลธรรม แม้พวกเทวดาก็รู้
ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปริหานิยธรรม (ธรรมที่เป็นเหตุแห่งความเสื่อม)
3 ประการข้ออื่นอีก เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับสนองพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสเรื่องนี้ว่า
ภิกษุทั้งหลาย ปริหานิยธรรม 3 ประการ
ปริหานิยธรรม 3 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่1
2. ความเป็นผู้ว่ายาก
3. ความเป็นผู้มีปาปมิตร(มิตรชั่ว)
ภิกษุทั้งหลาย ปริหานิยธรรม 3 ประการนี้แล

เชิงอรรถ :
1 ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่ ในที่นี้หมายถึงชอบอยู่คลุกคลีกับเพื่อน 1 คนบ้าง 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง เมื่ออยู่
คนเดียวก็หาความสบายใจไม่ได้ (องฺ.สตฺตก.อ. 3/24/177)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :451 }


พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต [1. ปฐมปัณณาสก์] 3. อนุตตริยวรรค 2. อปริหานิยสูตร
ภิกษุทั้งหลาย ชนทั้งหลายบางพวกในอดีตเสื่อมแล้วจากกุศลธรรมทั้งหลาย
ชนเหล่านั้นทั้งหมดก็เสื่อมเพราะธรรม 6 ประการนี้แล
ชนทั้งหลายบางพวกในอนาคตจักเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย ชนเหล่านั้น
ทั้งหมดก็จักเสื่อมเพราะธรรม 6 ประการนี้แล
ชนทั้งหลายบางพวกในปัจจุบันกำลังเสื่อมจากกุศลธรรมทั้งหลาย ชนเหล่านั้น
ทั้งหมดก็เสื่อมเพราะธรรม 6 ประการนี้แล
สามกสูตรที่ 1 จบ
2. อปริหานิยสูตร
ว่าด้วยอปริหานิยธรรม
[22] ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอปริหานิยธรรม(ธรรมที่ไม่เป็นเหตุแห่ง
ความเสื่อม) 6 ประการนี้ เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
อปริหานิยธรรม 6 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้ไม่ชอบการงาน1
2. ความเป็นผู้ไม่ชอบการพูดคุย2
3. ความเป็นผู้ไม่ชอบการนอนหลับ3

เชิงอรรถ :
1 ไม่ชอบการงาน ในที่นี้หมายถึงเมื่อพวกภิกษุทำกิจมีการทำจีวร ประคตเอว ผ้ากรองน้ำ ไม้กวาด และ
ผ้าเช็ดเท้าเป็นต้น ภิกษุปฏิเสธกิจเหล่านั้นเสียด้วยศรัทธา อนึ่ง หมายถึงทำกิจเหล่านั้นร่วมกับภิกษุทั้งหลาย
แล้วเรียนอุทเทสในเวลาเรียนอุทเทส สาธยายในเวลาสาธยาย กวาดลานพระเจดีย์ในเวลากวาดลานพระเจดีย์
มนสิการในเวลามนสิการ (องฺ.สตฺตก.อ. 3/24/176-177)
2 ไม่ชอบการพูดคุย ในที่นี้หมายถึงไม่สนทนาเรื่องเกี่ยวกับบุรุษและสตรีเป็นต้น แต่สนทนาเฉพาะเรื่อง
เกี่ยวกับธรรมในเวลากลางวันกลางคืนให้เป็นประโยชน์ ตอบปัญหาธรรมตลอดวันและคืน พูดน้อย พูดมีที่
จบ เพราะพุทธพจน์ว่า “ภิกษุผู้นั่งประชุมกันมีหน้าที่ 2 อย่าง คือ สนทนาธรรม และเป็นผู้นิ่งอย่างพระ
อริยะ” (องฺ.สตฺตก.อ. 3/24/177) และดู ม.มู. 12/273/235 (ปาสราสิสูตร)
3 ไม่ชอบการนอนหลับ ในที่นี้หมายถึงจะยืนก็ตาม จะเดินก็ตาม จะนั่งก็ตาม มีจิตตกภวังค์ เพราะกรช-
กายมีความเจ็บป่วยก็ตาม ก็ไม่ถูกถีนมิทธะครอบงำ เพราะฉะนั้นจึงมีพุทธพจน์ว่า “เรากลับจากบิณฑบาต
หลังจากฉันอาหารเสร็จแล้ว ปูลาดสังฆาฏิ 4 ชั้น มีสติสัมปชัญญะ หยั่งลงสู่การนอนหลับโดยพระปรัศว์
เบื้องขวารู้ชัดอยู่” (องฺ.สตฺตก.อ. 3/24/177) และดู ม.มู. 12/387/345 (มหาสัจจกสูตร)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 22 หน้า :452 }