พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [5.ปัฐจมปัณณาสก์]
5.อาปัตติภยวรรค 1.สังฆเภทกสูตร
สมณะแต่ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่พรหมจารีแต่ปฏิญญาว่า
เป็นพรหมจารี1 เน่าภายใน ชุ่มด้วยราคะ เป็นเหมือนหยากเยื่อ2
เธอคิดกังวลอย่างนี้ว่า ถ้าพวกภิกษุจักรู้ว่า เราเป็นคนทุศีล มี
ธรรมเลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการ
งานปกปิด ไม่ใช่สมณะแต่ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่พรหมจารี
แต่ปฏิญญาว่าเป็นพรหมจารี เน่าภายใน ชุ่มด้วยราคะ เป็นเหมือน
หยากเยื่อ จักพร้อมใจกันทำลายเราเสีย3 แต่ถ้าแตกแยกกัน
จักทำลายเราไม่ได้ ภิกษุผู้เลวทรามเมื่อเล็งเห็นอำนาจประโยชน์
ที่ 1 นี้จึงยินดีการทำลายสงฆ์
2. ภิกษุผู้เลวทรามเป็นมิจฉาทิฏฐิ ประกอบด้วยอันตัคคาหิกทิฏฐิ4
เธอคิดกังวลอย่างนี้ว่า ถ้าพวกภิกษุจักรู้ว่า เราเป็นมิจฉาทิฏฐิ
ประกอบด้วยอันตัคคาหิกทิฏฐิ จักพร้อมใจกันทำลายเราเสีย
แต่ถ้าแตกแยกกัน จักทำลายเราไม่ได้ ภิกษุผู้เลวทราม เมื่อ
เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ที่ 2 นี้ จึงยินดีการทำลายสงฆ์
3. ภิกษุผู้เลวทรามเป็นผู้มีมิจฉาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เธอ
คิดกังวลอย่างนี้ว่า ถ้าพวกภิกษุจักรู้ว่า เราเป็นผู้มีมิจฉาอาชีวะ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [5. ปัฐจมปัณณาสก์]
5.อาปัตติภยวรรค 2. อาปัตติภยสูตร
เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ จักพร้อมใจกันทำลายเราเสีย แต่ถ้า
แตกแยกกันจักทำลายเราไม่ได้ ภิกษุผู้เลวทรามเมื่อเล็งเห็นอำนาจ
ประโยชน์ที่ 3 นี้ จึงยินดีการทำลายสงฆ์
4. ภิกษุผู้เลวทรามปรารถนาลาภสักการะและชื่อเสียง เธอคิดกังวล
อย่างนี้ว่า ถ้าพวกภิกษุจักรู้ว่า เราปรารถนาลาภสักการะและ
ชื่อเสียง จักพร้อมใจกันไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา
เรา แต่ถ้าแตกแยกกันจักสักการะ เคารพ นับถือ บูชาเรา
ภิกษุผู้เลวทราม เมื่อเล็งเห็นอำนาจประโยชน์ที่ 4 นี้ จึงยินดีการ
ทำลายสงฆ์
อานนท์ ภิกษุผู้เลวทราม เมื่อเล็งเห็นอำนาจประโยชน์ 4 ประการนี้แล
จึงยินดีการทำลายสงฆ์
สังฆเภทกสูตรที่ 1 จบ
2. อาปัตติภยสูตร
ว่าด้วยอาปัตติภัย
[244] ภิกษุทั้งหลาย อาปัตติภัย (ภัยที่เกิดจากการต้องอาบัติ) 4 ประการนี้
อาปัตติภัย 4 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ภิกษุหรือภิกษุณีบางรูปเข้าไปตั้งสัญญาในอาบัติปาราชิกทั้งหลายว่า
เป็นภัยอย่างแรงกล้า การเข้าไปตั้งสัญญาของภิกษุหรือภิกษุณีนั้น
พึงหวังได้ว่า ผู้ยังไม่ต้องอาบัติปาราชิกก็จักไม่ต้อง หรือผู้ต้องแล้ว
จักทำคืนตามสมควรแก่ธรรม1 เปรียบเหมือนพวกราชบุรุษจับ
โจรผู้ประพฤติชั่วได้แล้วแสดงแก่พระราชาด้วยกราบทูลว่า ขอเดชะ
ชายผู้นี้เป็นโจรผู้ประพฤติชั่วต่อพระองค์ ขอพระองค์จงลงพระ
ราชอาญาแก่เขา พระราชาจึงรับสั่งอย่างนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงไป
จงใช้เชือกเหนียวมัดบุรุษนี้เอาแขนไพล่หลังอย่างแน่นหนาแล้วโกนผม