พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [4.จตุตถปัณณาสก์]
3.สัญเจตนิยวรรค 5.อุปวาณสูตร
ชื่อว่าคิดปรุงแต่งสิ่งที่ไม่ควรคิดปรุงแต่ง ท่านผู้มีอายุ ปปัญจธรรมย่อมดำเนินไป
ตราบเท่าที่ผัสสายตนะ 6 ประการดำเนินไป ผัสสายตนะ 6 ประการก็ดำเนินไป
ตราบเท่าที่ปปัญจธรรมดำเนินไป ผู้มีอายุ เพราะผัสสายตนะ 6 ประการดับไป
ไม่เหลือด้วยวิราคะ ปปัญจธรรมจึงดับสนิท ระงับไป
อานันทสูตรที่ 4 จบ
5. อุปวาณสูตร
ว่าด้วยพระอุปวาณะ
[175] ครั้งนั้นแล ท่านพระอุปวาณะเข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่อยู่ ได้
สนทนาปราศรัยพอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้ว จึงนั่ง ณ ที่สมควร ได้
ถามท่านพระสารีบุตรดังนี้ว่า
ท่านสารีบุตร บุคคลทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชาหรือ
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ผู้มีอายุ ไม่ใช่อย่างนี้
ท่านพระอุปวาณะกล่าวว่า ท่านสารีบุตร บุคคลทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วย
จรณะหรือ
ผู้มีอายุ ไม่ใช่อย่างนี้
ท่านสารีบุตร บุคคลทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชาและจรณะหรือ
ผู้มีอายุ ไม่ใช่อย่างนี้
ท่านสารีบุตร บุคคลทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยเหตุนอกจากวิชชาและจรณะหรือ
ผู้มีอายุ ไม่ใช่อย่างนี้
ท่านพระอุปวาณะกล่าวว่า เมื่อผมถามว่า ท่านสารีบุตร บุคคลทำที่สุด
แห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชาหรือ ท่านตอบว่า ไม่ใช่อย่างนี้ เมื่อผมถามว่า บุคคลทำ
ที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยจรณะหรือ ท่านก็ตอบว่า ไม่ใช่อย่างนี้ เมื่อผมถามว่า
บุคคลทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชาและจรณะหรือ ท่านก็ตอบว่า ไม่ใช่อย่างนี้
เมื่อผมถามว่า บุคคลทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยเหตุนอกจากวิชชาและจรณะหรือ
ท่านก็ตอบว่า ไม่ใช่อย่างนี้ ผู้มีอายุ ก็บุคคลทำที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างไร
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [4.จตุตถปัณณาสก์]
3.สัญเจตนิยวรรค 6. อายาจนสูตร
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ถ้าบุคคลจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชาแล้ว ก็จัก
มีความยึดมั่นถือมั่นทำที่สุดแห่งทุกข์ ถ้าบุคคลจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยจรณะแล้ว
ก็จักมีความยึดมั่นถือมั่นทำที่สุดแห่งทุกข์ ถ้าบุคคลจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ด้วยวิชชา
และจรณะแล้ว ก็จักมีความยึดมั่นถือมั่นทำที่สุดแห่งทุกข์ ถ้าบุคคลจักทำที่สุดแห่ง
ทุกข์ด้วยเหตุนอกจากวิชชาและจรณะแล้ว ปุถุชนก็จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ เพราะ
ปุถุชนไม่มีวิชชาและจรณะ ผู้มีอายุ บุคคลผู้มีจรณะวิบัติย่อมไม่รู้ไม่เห็นตามความ
เป็นจริง บุคคลผู้ประกอบด้วยจรณะย่อมรู้เห็นตามความเป็นจริง เมื่อรู้เห็นตาม
ความเป็นจริงย่อมทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
อุปวาณสูตรที่ 5 จบ
6. อายาจนสูตร
ว่าด้วยความปรารถนาโดยชอบ
[176] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้มีศรัทธา เมื่อปรารถนาโดยชอบพึงปรารถนา
อย่างนี้ว่า ขอให้เราเป็นเช่นกับพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเถิด สารีบุตร
และโมคคัลลานะนี้เป็นบรรทัดฐาน เป็นมาตรฐานของภิกษุสาวกของเรา
ภิกษุณีผู้มีศรัทธา เมื่อปรารถนาโดยชอบพึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอให้เราเป็น
เช่นกับภิกษุณีเขมาและภิกษุณีอุบลวรรณาเถิด ภิกษุณีเขมาและภิกษุณีอุบลวรรณา
นี้เป็นบรรทัดฐาน เป็นมาตรฐานแห่งภิกษุณีสาวิกาของเรา
อุบาสกผู้มีศรัทธา เมื่อปรารถนาโดยชอบพึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอให้เรา
เป็นเช่นกับจิตตคหบดีและหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวีเถิด จิตตคหบดีและหัตถก-
อุบาสกชาวเมืองอาฬวีนี้เป็นบรรทัดฐาน เป็นมาตรฐานแห่งอุบาสกสาวกของเรา
อุบาสิกาผู้มีศรัทธา เมื่อปรารถนาโดยชอบพึงปรารถนาอย่างนี้ว่า ขอให้
เราเป็นเช่นกับอุบาสิกาขุชชุตตราและอุบาสิกาเวฬุกัณฏกีนันทมาตาเถิด อุบาสิกา
ขุชชุตตราและอุบาสิกาเวฬุกัณฏกีนันทมาตานี้เป็นบรรทัดฐาน เป็นมาตรฐานของ
อุบาสิกาสาวิกาของเรา
อายาจนสูตรที่ 6 จบ