เมนู

3. ตติยโพธิสุตฺตวณฺณนา

[3] ตติเย อนุโลมปฏิโลมนฺติ อนุโลมญฺจ ปฏิโลมญฺจ, ยถาวุตฺตอนุโลมวเสน เจว ปฏิโลมวเสน จาติ อตฺโถฯ นนุ จ ปุพฺเพปิ อนุโลมวเสน ปฏิโลมวเสน จ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท มนสิการปฺปวตฺติ สุตฺตทฺวเย วุตฺตา, อิธ กสฺมา ปุนปิ ตทุภยวเสน มนสิการปฺปวตฺติ วุจฺจตีติ? ตทุภยวเสน ตติยวารํ ตตฺถ มนสิการสฺส ปวตฺติตตฺตาฯ กถํ ปน ตทุภยวเสน มนสิกาโร ปวตฺติโต? น หิ สกฺกา อปุพฺพํ อจริมํ อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มนสิการํ ปวตฺเตตุนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺฐพฺพํ ‘‘ตทุภยํ เอกชฺฌํ มนสากาสี’’ติ, อถ โข วาเรนฯ ภควา หิ ปฐมํ อนุโลมวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ กริตฺวา ตทนุรูปํ ปฐมํ อุทานํ อุทาเนสิฯ ทุติยมฺปิ ปฏิโลมวเสน ตํ มนสิ กริตฺวา ตทนุรูปเมว อุทานํ อุทาเนสิฯ ตติยวาเร ปน กาเลน อนุโลมํ กาเลน ปฏิโลมํ มนสิกรณวเสน อนุโลมปฏิโลมํ มนสิ อกาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุโลมปฏิโลมนฺติ อนุโลมญฺจ ปฏิโลมญฺจ, ยถาวุตฺตอนุโลมวเสน เจว ปฏิโลมวเสน จา’’ติฯ อิมินา มนสิการสฺส ปคุณพลวภาโว จ วสีภาโว จ ปกาสิโต โหติฯ เอตฺถ จ ‘‘อนุโลมํ มนสิ กริสฺสามิ, ปฏิโลมํ มนสิ กริสฺสามิ, อนุโลมปฏิโลมํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตานํ ปุพฺพาโภคานํ วเสน เนสํ วิภาโค เวทิตพฺโพฯ

ตตฺถ อวิชฺชาย ตฺเววาติ อวิชฺชาย ตุ เอวฯ อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรธา, อคฺคมคฺเคน อนวเสสอนุปฺปาทปฺปหานาติ อตฺโถฯ สงฺขารนิโรโธติ สพฺเพสํ สงฺขารานํ อนวเสสํ อนุปฺปาทนิโรโธฯ เหฏฺฐิเมน หิ มคฺคตฺตเยน เกจิ สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติ, เกจิ น นิรุชฺฌนฺติ อวิชฺชาย สาวเสสนิโรธาฯ อคฺคมคฺเคน ปนสฺสา อนวเสสนิโรธา น เกจิ สงฺขารา น นิรุชฺฌนฺตีติฯ

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยฺวายํ อวิชฺชาทิวเสน สงฺขาราทิกสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย นิโรโธ จ อวิชฺชาทีนํ สมุทยา นิโรธา จ โหตีติ วุตฺโต, สพฺพากาเรน เอตมตฺถํ วิทิตฺวาฯ อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิทํ เยน มคฺเคน โย ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทยนิโรธสงฺขาโต อตฺโถ กิจฺจวเสน อารมฺมณกิริยาย จ วิทิโต, ตสฺส อริยมคฺคสฺส อานุภาวทีปกํ วุตฺตปฺปการํ อุทานํ อุทาเนสีติ อตฺโถฯ

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส, ตทา โส พฺราหฺมโณ เตหิ อุปฺปนฺเนหิ โพธิปกฺขิยธมฺเมหิ ยสฺส วา อริยมคฺคสฺส จตุสจฺจธมฺมา ปาตุภูตา , เตน อริยมคฺเคน วิธูปยํ ติฏฺฐติ มารเสนํ, ‘‘กามา เต ปฐมา เสนา’’ติอาทินา (สุ. นิ. 438; มหานิ. 28; จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิทฺเทส 47) นเยน วุตฺตปฺปการํ มารเสนํ วิธูปยนฺโต วิธเมนฺโต วิทฺธํเสนฺโต ติฏฺฐติฯ กถํ? สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺขํ, ยถา สูริโย อพฺภุคฺคโต อตฺตโน ปภาย อนฺตลิกฺขํ โอภาเสนฺโตว อนฺธการํ วิธเมนฺโต ติฏฺฐติ, เอวํ โสปิ ขีณาสวพฺราหฺมโณ เตหิ ธมฺเมหิ เตน วา อริยมคฺเคน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโตว มารเสนํ วิธูปยนฺโต ติฏฺฐตีติฯ

เอวํ ภควตา ปฐมํ ปจฺจยาการปชานนสฺส, ทุติยํ ปจฺจยกฺขยาธิคมสฺส, ตติยํ อริยมคฺคสฺส อานุภาวปฺปกาสนานิ อิมานิ ตีณิ อุทานานิ ตีสุ ยาเมสุ ภาสิตานิฯ กตราย รตฺติยา? อภิสมฺโพธิโต สตฺตมาย รตฺติยาฯ ภควา หิ วิสาขปุณฺณมาย รตฺติยา ปฐมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท ญาณํ โอตาเรตฺวา นานานเยหิ เตภูมกสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ‘‘อิทานิ อรุโณ อุคฺคมิสฺสตี’’ติ สมฺมาสมฺโพธิํ ปาปุณิ, สพฺพญฺญุตปฺปตฺติสมนนฺตรเมว จ อรุโณ อุคฺคจฺฉีติฯ ตโต เตเนว ปลฺลงฺเกน โพธิรุกฺขมูเล สตฺตาหํ วีตินาเมนฺโต สมฺปตฺตาย ปาฏิปทรตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ วุตฺตนเยน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ กริตฺวา ยถากฺกมํ อิมานิ อุทานานิ อุทาเนสิฯ

ขนฺธเก ปน ตีสุปิ วาเรสุ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ (มหาว. 1) อาคตตฺตา ขนฺธกฏฺฐกถายํ ‘‘ตีสุปิ ยาเมสุ เอวํ มนสิ กตฺวา ปฐมํ อุทานํ ปจฺจยาการปจฺจเวกฺขณวเสน, ทุติยํ นิพฺพานปจฺจเวกฺขณวเสน, ตติยํ มคฺคปจฺจเวกฺขณวเสนาติ เอวํ อิมานิ ภควา อุทานานิ อุทาเนสี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ น วิรุชฺฌติฯ ภควา หิ ฐเปตฺวา รตนฆรสตฺตาหํ เสเสสุ ฉสุ สตฺตาเหสุ อนฺตรนฺตรา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา เยภุยฺเยน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที วิหาสิ, รตนฆรสตฺตาเห ปน อภิธมฺมปริจยวเสเนว วิหาสีติฯ

ตติยโพธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

4. หุํหุงฺกสุตฺตวณฺณนา

[4] จตุตฺเถ อชปาลนิคฺโรเธติ ตสฺส กิร ฉายายํ อชปาลา คนฺตฺวา นิสีทนฺติ, เตนสฺส ‘‘อชปาลนิคฺโรโธ’’ตฺเวว นามํ อุทปาทิฯ เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ตตฺถ เวเท สชฺฌายิตุํ อสมตฺถา มหลฺลกพฺราหฺมณา ปาการปริกฺเขปยุตฺตานิ นิเวสนานิ กตฺวา สพฺเพ วสิํสุ, ตสฺมา อชปาลนิคฺโรโธติ นามํ ชาต’’นฺติ วทนฺติฯ ตตฺรายํ วจนตฺโถ – น ชปนฺตีติ อชปา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อตฺโถ, อชปา ลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโลติฯ ยสฺมา วา มชฺฌนฺหิเก สมเย อนฺโต ปวิฏฺเฐ อเช อตฺตโน ฉายาย ปาเลติ รกฺขติ, ตสฺมา ‘อชปาโล’ติสฺส นามํ รูฬฺหนฺติ อปเรฯ สพฺพถาปิ นามเมตํ ตสฺส รุกฺขสฺส, ตสฺส สมีเปฯ สมีปตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมํ ‘‘อชปาลนิคฺโรเธ’’ติฯ

วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ ตตฺรปิ ธมฺมํ วิจินนฺโต วิมุตฺติสุขญฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิฯ โพธิรุกฺขโต ปุรตฺถิมทิสาภาเค เอส รุกฺโข โหติฯ สตฺตาหนฺติ จ อิทํ น ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อนนฺตรสตฺตาหํฯ ภควา หิ ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อปรานิปิ ตีณิ สตฺตาหานิ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมสิฯ

ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควติ กิร สมฺมาสมฺโพธิํ ปตฺวา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺเน ‘‘น ภควา วุฏฺฐาติ, กินฺนุ โข อญฺเญปิ พุทฺธตฺตกรา ธมฺมา อตฺถี’’ติ เอกจฺจานํ เทวตานํ กงฺขา อุทปาทิฯ อถ ภควา อฏฺฐเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺฐาย เทวตานํ กงฺขํ ญตฺวา กงฺขาวิธมนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ตาสํ กงฺขํ วิธเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ฐตฺวา จตฺตาริ อสงฺเขฺยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสญฺจ อุปจิตานํ ปารมีนํ พลาธิคมฏฺฐานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขญฺจ อนิมิเสหิ จกฺขูหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ ฐานํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํฯ อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ฐิตฏฺฐานสฺส จ อนฺตรา ปุรตฺถิมโต จ ปจฺฉิมโต จ อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํฯ