เมนู

กาเลเนว ตเร วิสตฺติกนฺติ โส เอวํ วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ฐิโต โยคาวจโร อินฺทฺริยานํ ปริปากคตกาเลน วุฏฺฐานคามินิยา วิปสฺสนาย มคฺเคน ฆฏิตกาเลน อริยมคฺคสฺส อุปฺปตฺติกาเลน สกลสฺส ภวตฺตยสฺส สํตนนโต วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ ตเรยฺย, วิตริตฺวา ตสฺสา ปรตีเร ติฏฺเฐยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ

อิติ ภควา อญฺญาปเทเสน อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส อรหตฺตุปฺปตฺติทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

อฏฺฐมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

9. อุทปานสุตฺตวณฺณนา

[69] นวเม มลฺเลสูติ มลฺลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘มลฺลา’’ติ วุจฺจติ, เตสุ มลฺเลสุ, ยํ โลเก ‘‘มลฺโล’’ติ วุจฺจติฯ เกจิ ปน ‘‘มาเลสู’’ติ ปฐนฺติฯ จาริยํ จรมาโนติ อตุริตจาริกาวเสน มหามณฺฑลชนปทจาริกํ จรมาโนฯ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆนาติ อปริจฺเฉทคุเณน มหนฺเตน สมณคเณนฯ ตทา หิ ภควโต มหาภิกฺขุปริวาโร อโหสิฯ ถูณํ นาม มลฺลานํ พฺราหฺมณคาโมติ ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย มชฺฌิมเทสสฺส อวธิฏฺฐาเน มลฺลเทเส ถูณนามโก พฺราหฺมณพหุลตาย พฺราหฺมณคาโมฯ ตทวสรีติ ตํ อวสริ, ถูณคามมคฺคํ ปาปุณีติ อตฺโถฯ อสฺโสสุนฺติ สุณิํสุ, โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน ชานิํสูติ อตฺโถฯ โขติ ปทปูรเณ, อวธารณตฺเถ วา นิปาโตฯ ตตฺถ อวธารณตฺเถน อสฺโสสุํเยว, น เตสํ สวนนฺตราโย อโหสีติ วุตฺตํ โหติฯ ปทปูรเณน ปทพฺยญฺชนสิลิฏฺฐตฺตมตฺตเมวฯ ถูเณยฺยกาติ ถูณคามวาสิโนฯ พฺราหฺมณคหปติกาติ เอตฺถ พฺรหฺมํ อณนฺตีติ พฺราหฺมณา, มนฺเต สชฺฌายนฺตีติ อตฺโถฯ อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิพฺพจนํ, อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติฯ คหปติกาติ ขตฺติยพฺราหฺมเณ วชฺเชตฺวา เย เกจิ อคารํ อชฺฌาวสนฺตา วุจฺจนฺติ, วิเสสโต เวสฺสาฯ พฺราหฺมณา จ คหปติกา จ พฺราหฺมณคหปติกาฯ

อิทานิ ยมตฺถํ เต อสฺโสสุํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ สมิตปาปตฺตา ‘‘สมโณ’’ติ เวทิตพฺโพฯ

วุตฺตญฺเหตํ – ‘‘สมิตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทิ (ม. นิ. 1.434)ฯ ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สพฺพโส สมิตปาโปฯ เตนสฺส ยถาภุจฺจคุณาธิคตเมตํ นามํ, ยทิทํ สมโณติฯ ขลูติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโตฯ โภติ พฺราหฺมณชาติกานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนมตฺตํฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิญฺจโน’’ติ (ธ. ป. 396)ฯ โคตโมติ โคตฺตวเสน ภควโต ปริกิตฺตนํฯ ตสฺมา ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม’’ติ สมโณ กิร, โภ, โคตมโคตฺโตติ อยเมตฺถ อตฺโถฯ สกฺยปุตฺโตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํฯ สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํฯ เกนจิ ปาริชุญฺเญน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย เนกฺขมฺมาธิคมสทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติฯ อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุนฺติ ปานียกูปํ ติเณน จ ภุเสน จ มุขปฺปมาเณน วฑฺเฒสุํ, ติณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา กูปํ ปิทหิํสูติ อตฺโถฯ

ตสฺส กิร คามสฺส พหิ ภควโต อาคมนมคฺเค พฺราหฺมณานํ ปริโภคภูโต เอโก อุทปาโน อโหสิฯ ตํ ฐเปตฺวา ตตฺถ สพฺพานิ กูปตฬากาทีนิ อุทกฏฺฐานานิ ตทา วิสุกฺขานิ นิรุทกานิ อเหสุํฯ อถ ถูเณยฺยกา รตนตฺตเย อปฺปสนฺนา มจฺเฉรปกตา ภควโต อาคมนํ สุตฺวา ‘‘สเจ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวีหตีหํ วเสยฺย, สพฺพํ อิมํ ชนํ อตฺตโน วจเน ฐเปยฺย, ตโต พฺราหฺมณธมฺโม ปติฏฺฐํ น ลเภยฺยา’’ติ ตตฺถ ภควโต อวาสาย ปริสกฺกนฺตา ‘‘อิมสฺมิํ คาเม อญฺญตฺถ อุทกํ นตฺถิ, อมุํ อุทปานํ อปริโภคํ กริสฺสาม, เอวํ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ คามํ น ปวิสิสฺสตี’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา สพฺเพ คามวาสิโน สตฺตาหสฺส อุทกํ คเหตฺวา จาฏิอาทีนิ ปูเรตฺวา อุทปานํ ติเณน จ ภุเสน จ ปิทหิํสุฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุํ, ‘มา เต มุณฺฑกา สมณกา ปานียํ อปํสู’’’ติฯ

ตตฺถ มุณฺฑกา สมณกาติ มุณฺเฑ ‘‘มุณฺฑา’’ติ สมเณ ‘‘สมณา’’ติ วตฺตุํ วฏฺเฏยฺย, เต ปน ขุํสนาธิปฺปาเยน หีเฬนฺตา เอวมาหํสุฯ มาติ ปฏิเสเธ, มา อปํสุ มา ปิวิํสูติ อตฺโถฯ

มคฺคา โอกฺกมฺมาติ มคฺคโต อปสกฺกิตฺวาฯ เอตมฺหาติ โย อุทปาโน เตหิ ตถา กโต, ตเมว นิทฺทิสนฺโต อาหฯ กิํ ปน ภควา เตสํ พฺราหฺมณานํ วิปฺปการํ อนาวชฺชิตฺวา เอวมาห – ‘‘เอตมฺหา อุทปานา ปานียํ อาหรา’’ติ, อุทาหุ อาวชฺชิตฺวา ชานนฺโตติ? ชานนฺโต เอว ภควา อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ ปกาเสตฺวา เต ทเมตฺวา นิพฺพิเสวเน กาตุํ เอวมาห, น ปานียํ ปาตุกาโมฯ เตเนเวตฺถ มหาปรินิพฺพานสุตฺเต วิย ‘‘ปิปาสิโตสฺมี’’ติ (ที. นิ. 2.191) น วุตฺตํฯ ธมฺมภณฺฑาคาริโก ปน สตฺถุ อชฺฌาสยํ อชานนฺโต ถูเณยฺยเกหิ กตํ วิปฺปการํ อาจิกฺขนฺโต ‘‘อิทานิ โส, ภนฺเต’’ติอาทิมาหฯ

ตตฺถ อิทานีติ อธุนา, อมฺหากํ อาคมนเวลายเมวาติ อตฺโถฯ เอโส, ภนฺเต, อุทปาโนติ ปฐนฺติฯ เถโร ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยวาเร ‘‘น โข ตถาคตา ติกฺขตฺตุํ ปจฺจนีกา กาตพฺพา, การณํ ทิฏฺฐํ ภวิสฺสติ ทีฆทสฺสินา’’ติ มหาราชทตฺติยํ ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา อุทปานํ อคมาสิฯ คจฺฉนฺเต เถเร อุทปาเน อุทกํ ปริปุณฺณํ หุตฺวา อุตฺตริตฺวา สมนฺตโต สนฺทติ, สพฺพํ ติณํ ภุสญฺจ อุปฺลวิตฺวา สยเมว อปคจฺฉิฯ เตน จ สนฺทมาเนน สลิเลน อุปรูปริ วฑฺฒนฺเตน ตสฺมิํ คาเม สพฺเพว โปกฺขรณีอาทโย ชลาสยา วิสุกฺขา ปริปูริํสุ, ตถา ปริขากุสุพฺภนินฺนาทีนิ จฯ สพฺโพ คามปฺปเทโส มโหเฆน อชฺโฌตฺถโฏ มหาวสฺสกาเล วิย อโหสิฯ กุมุทุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกาทีนิ ชลชปุปฺผานิ ตตฺถ ตตฺถ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิกสมานานิ อุทกํ สญฺฉาทิํสุฯ สเรสุ หํสโกญฺจจกฺกวากการณฺฑวพกาทยา เอ อุทกสกุณิกา วสฺสมานา ตตฺถ ตตฺถ วิจริํสุฯ ถูเณยฺยกา ตํ มโหฆํ ตถา อุตฺตรนฺตํ สมนฺตโต วีจิตรงฺคสมากุลํ ปริยนฺตโต สมุฏฺฐหมานํ รุจิรํ เผณพุพฺพุฬกํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา เอวํ สมฺมนฺเตสุํ ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุทกุปจฺเฉทํ กาตุํ วายมิมฺหา, อยํ ปน มโหโฆ ตสฺส อาคมนกาลโต ปฏฺฐาย เอวํ อภิวฑฺฒติ, นิสฺสํสยํ โข อยํ ตสฺส อิทฺธานุภาโวฯ มหิทฺธิโก หิ โส มหานุภาโวฯ ฐานํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยถา ยํ มโหโฆ อุฏฺฐหิตฺวา อมฺหากํ คามมฺปิ โอตฺถเรยฺยฯ หนฺท มยํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา อจฺจยํ เทเสนฺตา ขมาเปยฺยามา’’ติฯ

เต สพฺเพว เอกชฺฌาสยา หุตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา คามโต นิกฺขมิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุฯ อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิํสุ, อปฺเปกจฺเจ อญฺชลิํ ปณาเมสุํ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธิํ สมฺโมทิํสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา นิสีทิํสุ, อปฺเปกจฺเจ นามโคตฺตํ สาเวสุํฯ เอวํ ปน กตฺวา สพฺเพว เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘อิธ มยํ, โภ โคตม, โภโต เจว โคตมสฺส โคตมสาวกานญฺจ อุทกปฺปฏิเสธํ การยิมฺห, อมุกสฺมิํ อุทปาเน ติณญฺจ ภุสญฺจ ปกฺขิปิมฺหฯ โส ปน อุทปาโน อเจตโนปิ สมาโน สเจตโน วิย โภโต คุณํ ชานนฺโต วิย สยเมว สพฺพํ ติณํ ภุสํ อปเนตฺวา สุวิสุทฺโธ ชาโต, สพฺโพปิ เจตฺถ นินฺนปฺปเทโส มหตา อุทโกเฆน ปริปุณฺโณ รมณีโยว ชาโต, อุทกูปชีวิโน สตฺตา ปริตุฏฺฐาฯ มยํ ปน มนุสฺสาปิ สมานา โภโต คุเณ น ชานิมฺห, เย มยํ เอวํ อกริมฺห, สาธุ โน ภวํ โคตโม ตถา กโรตุ, ยถายํ มโหโฆ อิมํ คามํ น โอตฺถเรยฺย, อจฺจโย โน อจฺจคมา ยถาพาลํ, ตํ โน ภวํ โคตโม อจฺจยํ ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ อจฺจยํ เทเสสุํฯ ภควาปิ ‘‘ตคฺฆ ตุมฺเห อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ, ตํ โว มยํ ปฏิคฺคณฺหาม อายติํ สํวรายา’’ติ เตสํ อจฺจยํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปสนฺนจิตฺตตํ ญตฺวา อุตฺตริ อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิฯ เต ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา สรณาทีสุ ปติฏฺฐิตา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ เตสํ ปน อาคมนโต ปุเรตรํเยว อายสฺมา อานนฺโท ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ปตฺเตน ปานียํ อาทาย ภควโต อุปนาเมตฺวา ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข อายสฺมา อานนฺโท’’ติอาทิฯ

ตตฺถ มุขโต โอวมิตฺวาติ สพฺพํ ตํ ติณาทิํ มุเขน ฉฑฺเฑตฺวาฯ วิสฺสนฺทนฺโต มญฺเญติ ปุพฺเพ ทีฆรชฺชุเกน อุทปาเนน อุสฺสิญฺจิตฺวา คเหตพฺพอุทโกโฆ ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา เถรสฺส คตกาเล มุเขน วิสฺสนฺทนฺโต วิย สมติตฺติโก กากเปยฺโย หุตฺวา อฏฺฐาสิฯ อิทญฺจ เถรสฺส คตกาเล อุทกปฺปวตฺติํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตโต ปรํ ปน ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ตสฺมิํ คาเม สกลํ นินฺนฏฺฐานํ อุทเกน ปริปุณฺณํ อโหสีติฯ

อยํ ปนิทฺธิ น พุทฺธานํ อธิฏฺฐาเนน, นาปิ เทวานุภาเวน, อถ โข ภควโต ปุญฺญานุภาเวน ปริตฺตเทสนตฺถํ ราชคหโต เวสาลิคมเน วิยฯ เกจิ ปน ‘‘ถูเณยฺยกานํ ภควติ ปสาทชนนตฺถํ เตสํ อตฺถกามาหิ เทวตาหิ กต’’นฺติฯ อปเร ‘‘อุทปานสฺส เหฏฺฐา วสนกนาคราชา เอวมกาสี’’ติฯ สพฺพํ ตํ อการณํ, ยถา ภควโต ปุญฺญานุภาเวนเยว ตถา อุทกุปฺปตฺติยา ปริทีปิตตฺตาฯ

เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อธิฏฺฐาเนน วินา อตฺตนา อิจฺฉิตนิปฺผตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ

ตตฺถ กิํ กยิรา อุทปาเนน, อาปา เจ สพฺพทา สิยุนฺติ ยสฺส สพฺพกาลํ สพฺพตฺถ จ อาปา เจ ยทิ สิยุํ ยทิ อุปลพฺเภยฺยุํ ยทิ อากงฺขามตฺตปฏิพทฺโธ, เตสํ ลาโภ, เตน อุทปาเนน กิํ กยิรา กิํ กเรยฺย, กิํ ปโยชนนฺติ อตฺโถฯ ตณฺหาย มูลโต เฉตฺวา, กิสฺส ปริเยสนํ จเรติ ยาย ตณฺหาย วินิพทฺธา สตฺตา อกตปุญฺญา หุตฺวา อิจฺฉิตาลาภทุกฺเขน วิหญฺญนฺติ, ตสฺสา ตณฺหาย มูลํ, มูเล วา ฉินฺทิตฺวา ฐิโต มาทิโส สพฺพญฺญุพุทฺโธ กิสฺส เกน การเณน ปานียปริเยสนํ, อญฺญํ วา ปจฺจยปริเยสนํ จเรยฺยฯ ‘‘มูลโต เฉตฺตา’’ติปิ ปฐนฺติ, ตณฺหาย มูลํ มูเลเยว วา เฉทโกติ อตฺโถฯ อถ วา มูลโต เฉตฺตาติ มูลโต ปฏฺฐาย ตณฺหาย เฉทโกฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย โพธิยา มูลภูตมหาปณิธานโต ปฏฺฐาย อปริมิตํ สกลํ ปุญฺญสมฺภารํ อตฺตโน อจินฺเตตฺวา โลกหิตตฺถเมว ปริณามนวเสน ปริปูเรนฺโต มูลโต ปภุติ ตณฺหาย เฉตฺตา, โส ตณฺหาเหตุกสฺส อิจฺฉิตาลาภสฺส อภาวโต กิสฺส เกน การเณน อุทกปริเยสนํ จเรยฺย, อิเม ปน ถูเณยฺยกา อนฺธพาลา อิมํ การณํ อชานนฺตา เอวมกํสูติฯ

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺฐิตาฯ

10. อุเตนสุตฺตวณฺณนา

[70] ทสเม รญฺโญ อุเตนสฺสาติ อุเตนสฺส นาม รญฺโญ, โย ‘‘วชฺชิราชา’’ติปิ วุจฺจติฯ อุยฺยานคตสฺสาติ อุยฺยานกีฬนตฺถํ อุยฺยานํ คตสฺส ฯ อนาทเร หิ อิทํ สามิวจนํ, ‘‘อนฺเตปุร’’นฺติ ปน ปทํ อเปกฺขิตฺวา สมฺพนฺเธเปตํ สามิวจนํ โหติฯ กาลงฺกตานีติ อคฺคิทฑฺฒานิ หุตฺวา มตานิ โหนฺติฯ สามาวตีปมุขานีติ เอตฺถ กา ปนายํ สามาวตี, กถญฺจ ทฑฺฒาติ? วุจฺจเต, ภทฺทวติยํ เสฏฺฐิโน ธีตา โฆสกเสฏฺฐินา ธีตุฏฺฐาเน ฐปิตา ปญฺจสตอิตฺถิปริวารา รญฺโญ อุเตนสฺส อคฺคมเหสี เมตฺตาวิหารพหุลา อริยสาวิกา สามาวตี นามฯ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อาทิโต ปฏฺฐาย สามาวติยา อุปฺปตฺติกถา ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฏฺฐ. 1.20 สามาวตีวตฺถุ) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพาฯ มาคณฺฑิยสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ธีตา อตฺตโน มาตาปิตูนํ –

‘‘ทิสฺวาน ตณฺหํ อรติํ รคญฺจ,

นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมิํ;

กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,

ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติฯ (สุ. นิ. 841) –

ภควตา เทสิตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา สตฺถริ พทฺธาฆาตา มาคณฺฑิยา อปรภาเค รญฺญา อุเตเนน มเหสิฏฺฐาเน ฐปิตา ภควโต โกสมฺพิํ อุปคตภาวํ, สามาวตีปมุขานญฺจ ปญฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ อุปาสิกาภาวํ ญตฺวา ‘‘อาคโต นาม สมโณ โคตโม อิมํ นครํ, ทานิสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, อิมาปิ ตสฺส อุปฏฺฐายิกา, อิมาสมฺปิ สามาวตีปมุขานญฺจ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ อเนกปริยาเยหิ ตถาคตสฺส ตาสญฺจ อนตฺถํ กาตุํ วายมิตฺวาปิ อสกฺโกนฺตี ปุเนกทิวสํ รญฺญา สทฺธิํ อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตี จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘สามาวติยา ปาสาทํ คนฺตฺวา ทุสฺสโกฏฺฐาคารเตลโกฏฺฐาคารานิ วิวราเปตฺวา ทุสฺสานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเฐตฺวา ตา สพฺพา เอกโต กตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตํ ทตฺวา ทณฺฑทีปิกาหิ เคเห อคฺคิํ ททมาโน โอตริตฺวา คจฺฉตู’’ติฯ

ตํ สุตฺวา โส ปาสาทํ อภิรุยฺห โกฏฺฐาคารานิ วิวริตฺวา วตฺถานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเฐตุํ อารภิฯ อถ นํ สามาวตีปมุขา อิตฺถิโย ‘‘กิํ เอตํ จูฬปิตา’’ติ วทนฺติโย อุปสงฺกมิํสุฯ