เมนู

พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [3.ตติยปัณณาสก์] 3. พาลวรรค

[26] คน 2 จำพวกนี้ย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต
คน 2 จำพวกไหนบ้าง คือ
1. คนที่แสดงสุตตันตะที่ควรขยายความว่า “สุตตันตะควรขยาย
ความ”
2. คนที่แสดงสุตตันตะที่มีการขยายความแล้วว่า “สุตตันตะที่มี
การขยายความแล้ว”
คน 2 จำพวกนี้แลย่อมไม่กล่าวตู่ตถาคต (5)

คติและฐานะ 2 อย่างเป็นต้น

[27] ผู้มีการงานปกปิดไว้1 พึงหวังได้2คติอย่าง 1 ใน 2 อย่าง คือ
นรกหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ผู้มีการงานไม่ปกปิดไว้พึงหวังได้คติอย่าง 1 ใน 2
อย่าง คือ เทวดาหรือมนุษย์ (6)
[28] ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิพึงหวังได้คติอย่าง 1 ใน 2 อย่าง คือ นรกหรือ
กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน (7)
[29] ผู้เป็นสัมมาทิฏฐิพึงหวังได้คติอย่าง 1 ใน 2 อย่าง คือ เทวดาหรือ
มนุษย์ (8)
[30] สถานที่รองรับคนทุศีล 2 แห่ง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
สถานที่รองรับคนมีศีล 2 แห่ง คือ เทวดาหรือมนุษย์ (9)
[31] เราพิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์3 2 ประการจึงอาศัยเสนาสนะอัน
เงียบสงัด คือ ป่าโปร่งและป่าทึบ4


พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [3.ตติยปัณณาสก์] 3. พาลวรรค

อำนาจประโยชน์ 2 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. เห็นการอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน1
2. อนุเคราะห์คนรุ่นหลัง
เราพิจารณาเห็นอำนาจประโยชน์ 2 ประการนี้แลจึงอาศัยเสนาสนะอันเงียบ
สงัด คือ ป่าโปร่งและป่าทึบ (10)
[32] ธรรม 2 ประการนี้เป็นฝ่ายวิชชา
ธรรม 2 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. สมถะ (การฝึกจิตให้สงบเป็นสมาธิ)
2. วิปัสสนา (ความเห็นแจ้ง)
สมถะที่ภิกษุเจริญแล้วย่อมให้สำเร็จประโยชน์อะไร
คือ ย่อมให้จิตเจริญ
จิต2ที่เจริญแล้วย่อมให้สำเร็จประโยชน์อะไร
คือ ย่อมละราคะได้
วิปัสสนาที่ภิกษุเจริญแล้วย่อมให้สำเร็จประโยชน์อะไร
คือ ย่อมให้ปัญญาเจริญ
ปัญญาที่เจริญแล้วย่อมให้สำเร็จประโยชน์อะไร
คือ ย่อมละอวิชชาได้
จิตที่เศร้าหมองเพราะราคะย่อมไม่หลุดพ้น ปัญญา3ที่เศร้าหมองเพราะอวิชชา
ย่อมไม่เจริญ เพราะสำรอกราคะจึงมีเจโตวิมุตติ เพราะสำรอกอวิชชา จึงมีปัญญา-
วิมุตติ (11)

พาลวรรคที่ 3 จบ