พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [3. ตติยปัณณาสก์]
7. กัมมปถเปยยาล (7. สัมผัปปลาป - อสัมผัปปลาปสูตร)
(5. ปิสุณา - อปิสุณาสูตร)
1. ตนเองเป็นผู้พูดส่อเสียด 2. ชักชวนผู้อื่นให้พูดส่อเสียด
3. เป็นผู้พอใจการพูดส่อเสียด
ฯลฯ
1. ตนเองเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดส่อเสียด
2. ชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
3. เป็นผู้พอใจการงดเว้นจากการพูดส่อเสียด
ฯลฯ
(6. ผรุส - อผรุสสูตร)
1. ตนเองเป็นผู้พูดคำหยาบ 2. ชักชวนผู้อื่นให้พูดคำหยาบ
3. เป็นผู้พอใจการพูดคำหยาบ
ฯลฯ
1. ตนเองเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดคำหยาบ
2. ชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
3. เป็นผู้พอใจการงดเว้นจากการพูดคำหยาบ
ฯลฯ
(7. สัมผัปปลาป - อสัมผัปปลาปสูตร)
1. ตนเองเป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ 2. ชักชวนผู้อื่นให้พูดเพ้อเจ้อ
3. เป็นผู้พอใจการพูดเพ้อเจ้อ
ฯลฯ
1. ตนเองเป็นผู้เว้นขาดจากการพูดเพ้อเจ้อ
2. ชักชวนผู้อื่นให้งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ
3. เป็นผู้พอใจการงดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ
ฯลฯ
พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [3. ตติยปัณณาสก์]
7. กัมมปถเปยยาล (10. มิจฉาทิฏฐิ - สัมมาทิฏฐิสูตร)
(8. อภิชฌา - อนภิชฌาสูตร)
1. ตนเองเป็นผู้เพ่งเล็งอยากได้ของเขา
2. ชักชวนผู้อื่นให้เพ่งเล็งอยากได้ของเขา
3. เป็นผู้พอใจความเพ่งเล็งอยากได้ของเขา
ฯลฯ
1. ตนเองเป็นผู้ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา
2. ชักชวนผู้อื่นให้ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา
3. เป็นผู้พอใจความไม่เพ่งเล็งอยากได้ของเขา
ฯลฯ
(9. พยาปาท - อัพยาปาทสูตร)
1. ตนเองเป็นผู้มีจิตพยาบาท 2. ชักชวนผู้อื่นให้มีจิตพยาบาท
3. เป็นผู้พอใจความมีจิตพยาบาท
ฯลฯ
1. ตนเองเป็นผู้มีจิตไม่พยาบาท 2. ชักชวนผู้อื่นให้มีจิตไม่พยาบาท
3. เป็นผู้พอใจความมีจิตไม่พยาบาท
ฯลฯ
(10. มิจฉาทิฏฐิ - สัมมาทิฏฐิสูตร)
1. ตนเองเป็นมิจฉาทิฏฐิ 2. ชักชวนผู้อื่นให้เป็นมิจฉาทิฏฐิ
3. เป็นผู้พอใจความเป็นมิจฉาทิฏฐิ
ฯลฯ
1. ตนเองเป็นสัมมาทิฏฐิ 2. ชักชวนผู้อื่นให้เป็นสัมมาทิฏฐิ
3. เป็นผู้พอใจความเป็นสัมมาทิฏฐิ
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการนี้แล ย่อมดำรงอยู่ใน
สวรรค์เหมือนได้รับอัญเชิญไปประดิษฐานไว้
กัมมปถเปยยาลที่ 7 จบ