เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค [11. โสตาปัตติสังยุต]
2. ราชการามวรรค 3. อานันทเถรสูตร

ภิกษุทั้งหลาย นี้แล คือ อุทยคามินีปฏิปทาที่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายอย่าง
ที่สุด เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับ เพื่อสงบระงับ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน”

พราหมณสูตรที่ 2 จบ

3. อานันทเถรสูตร
ว่าด้วยพระอานนทเถระ

[1009] สมัยหนึ่ง ท่านพระอานนท์และท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้นในเวลาเย็น ท่านพระสารีบุตร
ออกจากที่หลีกเร้นแล้ว เข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่อยู่ ได้สนทนาปราศรัยพอ
เป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้ถามท่านพระ
อานนท์ดังนี้ว่า “ท่านอานนท์ เพราะละธรรมเท่าไร เพราะประกอบด้วยธรรมเท่าไร
หมู่สัตว์นี้พระผู้มีพระภาคจึงทรงพยากรณ์ว่า ‘เป็นพระโสดาบัน ไม่มีทางตกต่ำ มี
ความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า”
ท่านพระอานนท์ตอบว่า “ผู้มีอายุ เพราะละธรรม 4 ประการ เพราะประกอบ
ด้วยธรรม 4 ประการ หมู่สัตว์นี้พระผู้มีพระภาคจึงทรงพยากรณ์ว่า ‘เป็นพระ
โสดาบัน ไม่มีทางตกต่ำ มีความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า’
ธรรม 4 ประการ อะไรบ้าง
คือ ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ
1. ประกอบด้วยความไม่เลื่อมใสเช่นใดในพระพุทธเจ้า หลังจาก
ตายแล้ว จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่
เลื่อมใสเช่นนั้นในพระพุทธเจ้าหามีแก่ปุถุชนนั้นไม่ ส่วนอริยสาวก
ผู้ได้สดับ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวเช่นใดใน
พระพุทธเจ้า หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวเช่นนั้นในพระพุทธเจ้าย่อมมีแก่อริย-
สาวกนั้นว่า ‘แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ
เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นพระพุทธเจ้า
เป็นพระผู้มีพระภาค’

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 19 หน้า :512 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค [11. โสตาปัตติสังยุต]
2. ราชการามวรรค 3. อานันทเถรสูตร

2. ประกอบด้วยความไม่เลื่อมใสเช่นใดในพระธรรม หลังจากตายแล้ว
จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลื่อมใสเช่น
นั้นในพระธรรมหามีแก่ปุถุชนนั้นไม่ ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวเช่นใดในพระธรรม
หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ความเลื่อมใสอัน
ไม่หวั่นไหวเช่นนั้นในพระธรรมย่อมมีแก่พระอริยสาวกนั้นว่า
‘พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ฯลฯ อัน
วิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน’
3. ประกอบด้วยความไม่เลื่อมใสเช่นใดในพระสงฆ์ หลังจากตายแล้ว
จะไปเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความไม่เลื่อมใสเช่น
นั้นในพระสงฆ์หามีแก่ปุถุชนนั้นไม่ ส่วนอริยสาวกผู้ได้สดับ
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวเช่นใดในพระสงฆ์
หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ความเลื่อมใส
อันไม่หวั่นไหวเช่นนั้นในพระสงฆ์ย่อมมีแก่อริยสาวกนั้นว่า ‘พระ
สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติดี ฯลฯ เป็นนา
บุญอันยอดเยี่ยมของโลก’
4. ประกอบด้วยความเป็นผู้ทุศีลเช่นใด หลังจากตายแล้ว จะไป
เกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ความเป็นผู้ทุศีลเช่นนั้นหามี
แก่ปุถุชนนั้นไม่ ส่วนอริยสาวกผู้ประกอบด้วยศีลที่พระอริยะ
ชอบใจเช่นใด หลังจากตายแล้ว จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์
ศีลที่พระอริยะชอบใจ ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิเช่นนั้น
ย่อมมีแก่อริยสาวกนั้น
อาวุโส เพราะละธรรม 4 ประการนี้ เพราะประกอบด้วยธรรม 4 ประการนี้
หมู่สัตว์นี้พระผู้มีพระภาคจึงทรงพยากรณ์ว่า ‘เป็นพระโสดาบัน ไม่มีทางตกต่ำ มี
ความแน่นอนที่จะสำเร็จสัมโพธิในวันข้างหน้า”

อานันทเถรสูตรที่ 3 จบ