พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค [4. อินทริยสังยุต]
5. ชราวรรค 7. ตติยปุพพารามสูตร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเป็น
หลัก ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุขีณาสพพยากรณ์อรหัตผลว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
อีกต่อไป เพราะอินทรีย์ 2 ประการที่ภิกษุขีณาสพเจริญ ทำให้มากแล้ว
อินทรีย์ 2 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ปัญญาที่เป็นอริยะ 2. วิมุตติที่เป็นอริยะ
ปัญญาที่เป็นอริยะเป็นปัญญินทรีย์ วิมุตติที่เป็นอริยะเป็นสมาธินทรีย์
ภิกษุขีณาสพพยากรณ์อรหัตตผลว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหม-
จรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป
เพราะอินทรีย์ 2 ประการนี้ที่ภิกษุขีณาสพเจริญ ทำให้มากแล้ว
ทุติยปุพพารามสูตรที่ 6 จบ
7. ตติยปุพพารามสูตร
ว่าด้วยพระธรรมเทศนาที่บุพพาราม สูตรที่ 3
[517] ต้นเรื่องเหมือนสูตรที่ 5
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุขีณาสพพยากรณ์อรหัตตผลว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
อีกต่อไป เพราะอินทรีย์เท่าไรที่ภิกษุขีณาสพเจริญ ทำให้มากแล้ว
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเป็น
หลัก ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุขีณาสพพยากรณ์อรหัตตผลว่า เรารู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว
อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้
อีกต่อไป เพราะอินทรีย์ 4 ประการที่ภิกษุขีณาสพเจริญ ทำให้มากแล้ว