เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [10. อัพยากตสังยุต]
5. ตติยสารีปุตตโกฏฐิตสูตร

ทิฏฐิว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคต
ไม่เกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีกและไม่เกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจาก
ตายแล้ว ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ ก็ดี ย่อมมีแก่บุคคลผู้
ไม่รู้ไม่เห็นเวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ
ทิฏฐิว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคต
ไม่เกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีกและไม่เกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจาก
ตายแล้ว ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ ก็ดี ย่อมมีแก่บุคคลผู้
ไม่รู้ไม่เห็นวิญญาณ เหตุเกิดวิญญาณ ความดับวิญญาณ และปฏิปทาที่ให้ถึง
ความดับวิญญาณตามความเป็นจริง
แต่ทิฏฐิว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีก’ ก็ดี ฯลฯ ‘หลังจากตายแล้ว
ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ ก็ดี ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้รู้เห็น
รูป เหตุเกิดรูป ความดับรูป และปฏิปทาที่ให้ถึงความดับรูปตามความเป็นจริง ...
เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ
ทิฏฐิว่า ‘‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจากตายแล้ว
ตถาคตไม่เกิดอีก’ ก็ดี ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีกและไม่เกิดอีก’ ก็ดี
‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ ก็ดี ย่อมไม่มี
แก่บุคคลผู้รู้เห็นวิญญาณ เหตุเกิดวิญญาณ ความดับวิญญาณ และปฏิปทาที่ให้
ถึงความดับวิญญาณตามความเป็นจริง
ผู้มีอายุ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ปัญหานั้น”

ทุติยสารีปุตตโกฏฐิตสูตรที่ 4 จบ

5. ตติยสารีปุตตโกฏฐิตสูตร
ว่าด้วยพระสารีบุตรและพระมหาโกฏฐิตะ สูตรที่ 3

[414] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะอยู่ ณ ป่า
อิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี ฯลฯ (มีการถามตอบเหมือนสูตรที่ 4)
“ผู้มีอายุ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ปัญหานั้น”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :480 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [10. อัพยากตสังยุต]
6. จตุตถสารีปุตตโกฏฐิตสูตร

ท่านพระสารีบุตรตอบว่า “ผู้มีอายุ ทิฏฐิว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิด
อีก’ ก็ดี ฯลฯ ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’
ก็ดี ย่อมมีแก่บุคคลผู้ยังไม่ปราศจากราคะ ฉันทะ ความรัก ความกระหาย
ความเร่าร้อน ตัณหาในรูป ... ในเวทนา ฯลฯ ในสัญญา ฯลฯ ในสังขาร ฯลฯ
ทิฏฐิว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีก’ ก็ดี ฯลฯ ‘หลังจากตายแล้ว
ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ ก็ดี ย่อมมีแก่บุคคลผู้ยังไม่
ปราศจากราคะ ฉันทะ ความรัก ความกระหาย ความเร่าร้อน ตัณหาในวิญญาณ
แต่ทิฏฐิว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีก’ ก็ดี ฯลฯ ‘หลังจากตายแล้ว
ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ ก็ดี ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ปราศจาก
ราคะ ... ในรูป ฯลฯ ในเวทนา ฯลฯ ในสัญญา ฯลฯ ในสังขาร ฯลฯ
ทิฏฐิว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตเกิดอีก’ ก็ดี ฯลฯ ‘หลังจากตายแล้ว
ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ ก็ดี ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้ปราศจาก
ราคะ ฉันทะ ความรัก ความกระหาย ความเร่าร้อน ตัณหาในวิญญาณ
ผู้มีอายุ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ปัญหานั้น”

ตติยสารีปุตตโกฏฐิตสูตรที่ 5 จบ

6. จตุตถสารีปุตตโกฏฐิตสูตร
ว่าด้วยพระสารีบุตรและพระมหาโกฏฐิตะ สูตรที่ 4

[415] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะอยู่ ณ ป่า
อิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรออกจากที่หลีก
เร้นในเวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระมหาโกฏฐิตะถึงที่อยู่ ได้สนทนาปราศรัยพอเป็น
ที่บันเทิงใจ พอเป็นที่ระลึกถึงกันแล้ว นั่ง ณ ที่สมควร ได้ถามท่านพระมหา-
โกฏฐิตะดังนี้ว่า “ท่านมหาโกฏฐิตะ ท่านถูกผมถามว่า ‘หลังจากตายแล้ว
ตถาคตเกิดอีกหรือ’ ฯลฯ ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคตจะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่
เกิดอีกก็มิใช่หรือ’ ก็ตอบว่า ‘ผู้มีอายุ แม้ปัญหาว่า ‘หลังจากตายแล้ว ตถาคต
จะว่าเกิดอีกก็มิใช่ จะว่าไม่เกิดอีกก็มิใช่’ นี้พระผู้มีพระภาคก็ไม่ทรงพยากรณ์’
อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยที่พระผู้มีพระภาคไม่ทรงพยากรณ์ปัญหานั้น”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :481 }