เมนู

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [8. คามณิสังยุต] 5. อัสสาโรหสูตร

สังหารทหารม้าผู้อุตส่าห์พยายามนั้นให้ถึงความตาย เขาหลังจากตายแล้วจะเข้าถึง
ความเป็นผู้อยู่ร่วมกับเหล่าเทวดาชื่อสรชิต’ ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “อย่าเลย ผู้ใหญ่บ้าน จงพักปัญหาข้อนี้ไว้
อย่าถามเราเลย”
แม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 ผู้ใหญ่บ้านชื่ออัสสาโรหะได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้ยินคำของพวกนายทหารม้าผู้เคยเป็นอาจารย์และ
ปาจารย์ก่อน ๆ กล่าวว่า ‘ทหารม้าคนใดอุตส่าห์พยายามในการสงคราม ทหารม้า
พวกอื่นสังหารทหารม้าผู้อุตส่าห์พยายามนั้นให้ถึงความตาย เขาหลังจากตายแล้ว
จะเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับเหล่าเทวดาชื่อสรชิต’ ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัส
อย่างไร”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ผู้ใหญ่บ้าน เราได้ห้ามท่านแล้วว่า ‘อย่าเลย
ผู้ใหญ่บ้าน จงพักปัญหาข้อนี้ไว้ อย่าถามเราเลย’ แต่เอาเถิด เราจักตอบแก่ท่าน
ทหารม้าคนใดอุตส่าห์พยายามในการสงคราม จิตถูกเขายึด ทำไว้ผิด ตั้งไว้ไม่ดีใน
เบื้องต้นว่า ‘ขอสัตว์เหล่านี้จงถูกฆ่า จงถูกแทง จงขาดสูญ จงพินาศ หรืออย่าได้มี’
ทหารม้าพวกอื่นสังหารทหารม้าผู้อุตส่าห์พยายามนั้นให้ถึงความตาย เขาหลังจาก
ตายแล้วจะไปเกิดในนรกชื่อว่าสรชิต แต่ถ้าเขามีความเห็นนี้ว่า ‘ทหารม้าคนใด
อุตส่าห์พยายามในการสงคราม ทหารม้าพวกอื่นสังหารทหารม้าผู้อุตส่าห์พยายาม
นั้นให้ถึงความตาย เขาหลังจากตายแล้วจะเข้าถึงความเป็นผู้อยู่ร่วมกับเหล่าเทวดา
ชื่อสรชิต’ ความเห็นของเขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ และผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิเรากล่าวว่ามีคติ
เป็นอย่าง 1 ใน 2 อย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน”
เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ผู้ใหญ่บ้านชื่ออัสสาโรหะได้ร้องไห้ น้ำตา
ไหลพราก พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ผู้ใหญ่บ้าน เราได้ห้ามท่านแล้วว่า ‘อย่าเลย
ผู้ใหญ่บ้าน ท่านจงพักปัญหาข้อนี้ไว้ อย่าถามเราเลย”
ผู้ใหญ่บ้านชื่ออัสสาโรหะได้กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
มิได้ร้องไห้เพราะพระองค์ตรัสกับข้าพระองค์อย่างนั้น แต่ข้าพระองค์ถูกพวก

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :400 }


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [8. คามณิสังยุต] 6. อสิพันธกปุตตสูตร

นายทหารม้าผู้เคยเป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อน ๆ หลอกลวงให้หลงมานานว่า
‘ทหารม้าคนใดอุตส่าห์พยายามในการสงคราม ทหารม้าพวกอื่นสังหารทหารม้าผู้
อุตส่าห์พยายามนั้นให้ถึงความตาย เขาหลังจากตายแล้วจะเข้าถึงความเป็นผู้อยู่
ร่วมกับเหล่าเทวดาชื่อสรชิต’ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระภาษิตของพระองค์ชัดเจน
ไพเราะยิ่งนัก ฯลฯ ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะ
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนตลอดชีวิต”

อัสสาโรหสูตรที่ 5 จบ

6. อสิพันธกปุตตสูตร
ว่าด้วยผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตร

[358] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปาวาริกัมพวัน เขต
เมืองนาฬันทา ครั้งนั้น ผู้ใหญ่บ้านชื่ออสิพันธกบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่สมควร ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกพราหมณ์ชาวปัจฉาภูมิมีคณโฑน้ำติดตัว ประดับพวง
มาลัยสาหร่าย อาบน้ำทุกเช้าเย็น บำเรอไฟ พราหมณ์เหล่านั้นชื่อว่าทำสัตว์ที่
ตายแล้วให้ฟื้น ให้รู้ชอบ ให้ขึ้นสวรรค์ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาค
อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถจะทำสัตว์โลกทั้งหมดหลังจากตายแล้วให้ไปเกิดใน
สุคติโลกสวรรค์ได้หรือ”
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า “ผู้ใหญ่บ้าน ถ้าเช่นนั้น เราจักย้อนถามใน
ปัญหาข้อนี้ ท่านพึงตอบตามสมควร
ท่านเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร บุรุษในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์
ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ เพ่งเล็ง
อยากได้ของเขา มีจิตพยาบาท เป็นมิจฉาทิฏฐิ หมู่มหาชนพึงมาประชุมแล้วสวด
อ้อนวอน สวดสรรเสริญ ประนมมือเดินเวียนรอบบุรุษนั้นว่า ‘ขอบุรุษนี้หลังจาก
ตายแล้วจงไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์เถิด’

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 18 หน้า :401 }